เครื่องลดมลภาวะพลังพีระมิด” ต้องลองดู หรือ ลวงโลก? ทางออกปัญหาหมอกควัน

“เครื่องลดมลภาวะพลังพีระมิด” ต้องลองดู หรือ ลวงโลก? ทางออกปัญหาหมอกควัน ต้องลองดู หรือ ลวงโลก? พระเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมที่เชียงใหม่เสนอตัวช่วยแก้วิกฤติฝุ่นละออง PM2.5 แนะใช้ “เครื่องลดมลภาวะพลังพีระมิด” อ้างพิสูจน์แล้วช่วยลดฝุ่นรัศมี5กิโลเมตร ตรวจสอบพบเคยมีความพยายามใช้แก้ปัญหาหมอกควันไฟป่าภาคเหนือมาแล้วหลายปี อุปกรณ์ง่ายแค่ถัง ท่อ ปั๊มและวัตถุทรงพีรามิดจากธาตุพิเศษ ขับเคลื่อนทำงานด้วยพลังงานปกติ 80% กับพลังจิต20%

วันนี้(1 ก.พ.62) รายงานข่าวแจ้งว่าจากสถานการณ์ปัญหามลพิษทางอากาศและค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เกินค่ามาตรฐานจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพในพื้นที่กรุงเทพฯ และใกล้เคียง ขณะที่ในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่และภาคเหนือมีแนวโน้มที่จะเกิดสถานการณ์ปัญหาเช่นเดียวกันเหมือนทุกปีที่ผ่านมา รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า ขณะนี้ในโซเชียลมีเดียมีการเผยแพร่เรื่องราวของพระรูปหนึ่งที่จังหวัดเชียงใหม่ ที่เสนอตัวช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วยการใช้เครื่องลดมลภาวะพลังพีระมิด ซึ่งพระรูปดังกล่าวอ้างว่าคิดค้นพัฒนาเครื่องมือดังกล่าวมานานหลายปีแล้ว รวมทั้งผ่านการพิสูจน์ด้วยการใช้งานจริงและได้ผลเป็นอย่างดี

ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่า พระรูปดังกล่าว คือ พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมพุทธอุทยานสวนสมบูรณ์รักษ์ธรรม ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ที่มีการระบุว่ามีความรู้เชี่ยวชาญในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองและมลภาวะอากาศ โดยศึกษาและคิดค้นสร้าง เครื่องลดมลภาวะพลังพีระมิด (Pollution Reducing Machine Pyramid Power) ขึ้น เพื่อใช้ลดปัญหามลภาวะอากาศ และอ้างว่าใช้ได้ผลดีมีประสิทธิภาพสูง จึงมีการเสนอตัวให้หน่วยงานเกี่ยวข้องมีการนำไปทดลองใช้แก้ไขปัญหาที่พื้นที่กรุงเทพฯและใกล้เคียง ซึ่งการเสนอดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากผู้ที่นับถือศรัทธาพระรูปนี้เป็นอย่างมาก และสร้างความฮือฮาอัศจรรย์ใจให้กับผู้คนที่ทราบเรื่องเป็นอย่างยิ่ง

ขณะที่จากการสืบค้นข้อมูลย้อนหลังพบว่า การเสนอให้มีการนำเครื่องมือดังกล่าวของพระรูปนี้ไปใช้งานเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษอากาศและฝุ่นละอองขนาดเล็ก เคยมีความพยายามมาแล้วหลายครั้ง โดยเมื่อประมาณเดือน มี.ค.2555 ในช่วงที่จังหวัดเชียงใหม่และภาคเหนือกำลังเผชิญสถานการณ์ปัญหาหมอกควันไฟป่าและมลพิษอากาศรุนแรงเข้าขั้นวิกฤตินั้น พระอาจารย์รัตน์ ได้นำเครื่องมือดังกล่าวมาสาธิตและทดลองใช้บริเวณศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเครื่องดังกล่าว ประกอบด้วย วัตถุรูปทรงพีระมิดจำนวน 7 ก้อน ซึ่งสร้างจากวัสดุชนิดพิเศษ ที่อ้างว่าเป็นธาตุที่ค้นพบจากถ้ำในพื้นที่ อ.แม่สะเรียง ประกอบกับท่อน้ำ, ปั๊มน้ำและถังน้ำ

โดยเครื่องดังกล่าวมีหลักการทำงานคือเมื่อเปิดปั๊มน้ำ น้ำจะถูกสูบเข้าไปในท่อน้ำที่ประกอบให้หมุนวนอยู่รอบแกนพีระมิด โดยน้ำที่หมุนวนตามท่อจะเป็นตัวกลางดูดซับพลังงานที่แกนพีระมิดแผ่ออกมา แล้วเปลี่ยนพลังงานดังกล่าวให้กลายเป็นแรงเหวี่ยงที่จะไปเหนี่ยวนำให้อากาศที่อยู่โดยรอบ เกิดการเคลื่อนไหวและยกตัวลอยขึ้นสูง ก่อให้เกิดช่องว่างของมวลอากาศ และทำให้เกิดมวลอากาศหรือลมที่จะเคลื่อนเข้ามาแทนที่มวลอากาศที่ยกตัวสูงขึ้น ซึ่งจะช่วยพัดพาเอาหมอกควันและมลพิษให้เบาบางลง โดยระหว่างที่เครื่องดังกล่าวเริ่มทำงานพบว่า เกิดลมพัดอยู่เป็นระยะ ซึ่งพระอาจารย์รัตน์ อ้างว่าเป็นผลมาจากการทำงานของเครื่อง และหากเปิดทำงานเต็มที่จะก่อให้เกิดลมพัดกินพื้นที่รัศมีประมาณ 5 กิโลเมตร

สำหรับการทำงานของเครื่องดังกล่าวนั้น พระอาจารย์รัตน์ ระบุชัดเจนว่า ใช้พลังงาน 80% ได้แก่ การเปิดปั๊มน้ำและการใช้พลังงานจากน้ำที่เติมลงไปในถังน้ำ เพื่อให้เกิดการไหลเวียนภายในเครื่อง ส่วนอีก 20% จะใช้พลังจิต โดยก่อนที่จะเริ่มใช้งานจะต้องทำการภาวนาจิต เพื่อกระตุ้นให้ธาตุภายในพีระมิดเริ่มปล่อยพลังงานเสียก่อน ซึ่งในช่วงที่มีการสาธิตใช้เครื่องดังกล่าวที่จังหวัดเชียงใหม่นั้น พระอาจารย์รัตน์ บอกว่า เครื่องมือดังกล่าวเคยมีการนำไปติดตั้งไว้ที่สนามบินแม่ฮ่องสอน แต่ยกเลิกการติดตั้งไปเพราะไม่ได้รับความสำคัญเท่าที่ควร ขณะที่รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากที่มีการนำเครื่องดังกล่าวมาสาธิตใช้ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อปี 2555 แล้ว ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และภาคเหนือยังคงประสบปัญหาหมอกควันไฟป่าและมลภาวะอากาศเป็นประจำทุกปี รวมทั้งไม่ปรากฏว่ามีการนำเครื่องดังกล่าวมาใช้ในการแก้ไขปัญหาด้วย

โดยแหล่งข่าวในหน่วยงานราชการที่ทำหน้าที่รับผิดชอบดูแลเกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่า ระบุว่า เหตุผลที่ไม่มีการนำเครื่องมือดังกล่าวมาใช้ เพราะการทำงานไม่ต่างอะไรกับการใช้สายยางฉีดน้ำ ที่พอมีการฉีดน้ำก็จะเกิดลมพัดและความชุ่มชื้นในอากาศเพิ่มขึ้นเป็นปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องดังกล่าวนอกจากจะต้องใช้พลังงานปกติ 80% ในการใช้งานแล้ว ยังต้องใช้พลังจิตอีก 20% ด้วย ซึ่งอาจจะไม่สะดวกกับการใช้งานของผู้ปฏิบัติงาน แต่ครั้งนั้นที่มีการนำมาสาธิตทดลองใช้เพราะมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่นับถือพระรูปดังกล่าวนำมา ทั้งนี้หากเครื่องมือดังกล่าวใช้งานได้จริง รัฐบาลน่าจะมีความจำเป็นต้องจัดตั้งกระทรวงพลังงานเหนือธรรมชาติและเวทมนต์ ขึ้นมาเพื่อทำงานควบคู่กับหน่วยงานที่มีอยู่แล้วเพื่อแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าและมลพิษอากาศอย่างแน่นอน

ร่วมแสดงความคิดเห็น