ธ.ก.ส. ร่วม คปภ.เปิดประกันภัยลำไย สร้างภูมิคุ้มกันให้กับเกษตรกร ลดความเสี่ยงจากปัญหาภัยแล้ง

ธ.ก.ส. ร่วม คปภ. และบริษัทประกันภัยเครือข่ายพันธมิตร เปิดประกันภัยลำไย สร้างภูมิคุ้ม กันให้กับเกษตรกร ลดความเสี่ยงจากปัญหาภัยแล้ง นำร่องในพื้นที่ 24 อำเภอของ จ.เชียง ใหม่

เมื่อวันที่ 20 ก.พ.2562 ที่ห้องประชุมโรงแรมเมอร์เคียว อ.เมือง จ.เชียงใหม่ น.ส.วรรณภา ฤกษนันทน์ ผอ.สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) จ.เชียงใหม่ นายเกตโกมล ไพรทวีพงศ์ ผอ.สำนักพัฒนาธุรกิจประกันภัย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) คุณชญณา ศิริภิรมย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารจาก บริษัท ซมโปะ ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) นายจีรพันธ์ อัศวะธนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) นายประสงค์ สังวาลย์ทอง ผอ.สำนักงาน ธ.ก.ส.จ.เชียงใหม่ ร่วมเปิดตัวกรม ธรรม์ประภัยภัยพืชผลลำไยจากภัยแล้ง โดยใช้ดัชนีฝนแล้ง ตรวจผ่านดาวเทียม สำหรับรายย่อย (ไมโครอิน ชัวรันส์)

นายดำรงชัย เดชาธิคม ผอ.ฝ่ายกิจการสาขาภาคเหนือตอนบน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)กล่าวว่า ปัจจุบันสภาพภูมิอากาศของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลง จากภาวะโลกร้อนในทุกภูมิภาค ซึ่งประเทศไทยได้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติที่รุนแรงมากขึ้นเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ภัยแล้ง อุทกภัย วาตภัย ดินโคลนถล่ม ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ชีวิต ทรัพย์สินและพืชผลทางการเกษตร การประกันภัยพืชผล จึงเป็นแนวทางหนึ่งในการบรรเทาความเดือดร้อน จากการเกิดภัยพิบัติเพราะเกษตรกรสามารถนำเงินค่าชดเชย ที่ได้รับจากการประกันภัยพืชผล ไปลงทุนในรอบการเพาะปลูกใหม่ได้

โดยในปีการผลิต 2562 ธ.ก.ส. ร่วมกับ บริษัทซมโปะ ประกันภัยฯ และบริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ฯ จัดทำโครงการประกันภัยพืชผลลำไยจากภัยแล้ง โดยใช้ค่าดัชนีฝนแล้ง ตรวจวัดด้วยดาวเทียม เป็นเกณฑ์การประเมินความเสียหาย ทั้งนี้เพื่อให้เกษตรกรได้รับความคุ้ม ครอง กรณีเกิดปัญหาภัยแล้งและสร้างความเสียหายต่อการผลิต ช่วยสร้างทางเลือกในการบริหารจัดการความเสี่ยง และเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยดำเนินการใน 24 อำเภอของ จ.เชียงใหม่ ได้แก่ อ.เมือง จอมทอง แม่แจ่ม เชียงดาวดอยสะเก็ด แม่แตง แม่ริม สะเมิง ฝาง แม่อาย พร้าว สันป่าตอง สันกำแพง สันทราย หาง ดง ฮอด ดอยเต่า อมก๋อย สารภี เวียงแหง ไชยปราการ แม่วาง แม่ออน และดอยหล่อ (ไม่รวม อ.กัลยาณิวัฒนา) เป้าหมายเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 500 ราย

สำหรับคุณสมบัติผู้เอาประกัน ต้องเป็นลูกค้าของ ธ.ก.ส.ในพื้นที่ ดำเนินงานการประกันภัยที่กู้เงินเพื่อปลูกลำไย กำหนดวงเงินในส่วนที่ขอเอาประกันภัยขั้นต่ำ 10,000 บาท แต่ไม่เกินจำนวนเงินกู้ที่กู้เพื่อเพาะปลูกลำไย อัตราค่าเบี้ยประกัน 2.99% ของวงเงินในส่วนที่ขอเอาประกันภัย (รวมอากรแสตมป์และภาษีมูลค่าเพิ่ม) ระยะเวลาในการวัดปริมาณน้ำฝนหรือระยะเวลาคุ้มครอง ตั้งแต่ 1 มีนาคม – 30 เมษายน 2562 รวม 61 วัน

ทั้งนี้การวัดค่าปริมาณน้ำฝนในแต่ละวันตลอดระยะเวลาประกันภัย จะอ้างอิงข้อมูลจากระบบดาวเทียม GSMaP ผ่าน Website ของ ธ.ก.ส. กรณีเกิดภาวะฝนแล้ง ได้รับชดเชยในอัตรา ร้อยละ 9 ของวงเงินในส่วนที่ของเอาประกันภัย และกรณีภัยแล้งรุนแรงได้รับชดเชย ร้อยละ 12 ของวงเงินในส่วนที่ของเอาประกันภัย รวมอัตราค่าชดเชยไม่เกิน ร้อยละ 21 ของวงเงินในส่วนที่ของเอาประกันภัย โดยเปิดรับประกันภัยแล้ว ตั้งแต่วันนี้ถึง 28 ก.พ.2562 ที่ ธ.ก.ส. สาขาในพื้นที่นำร่องดังกล่าว

ร่วมแสดงความคิดเห็น