โรคลมแดด อันตรายหน้าร้อน ที่อาจทำให้ถึงกับเสียชีวิต

ย่างสู่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ อุณหภูมิในบ้านเราขยับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว หลายๆท่านที่ทำงานกลางแจ้ง ต้องรับกับสภาพอากาศที่ร้อนจัด ซึ่งหากไม่สามารถปรับตัวให้ดี ก็อาจเกิดอันตรายได้ วันนี้ #เชียงใหม่นิวส์ ห่วงใยสุขภาพผู้อ่าน อยากพาไปรู้จักโรค ที่มากับหน้าร้อน เพื่อจะได้เข้าใจและเตรียมตัวป้องกัน

โรคลมแดด(Heat Stroke) เป็นอาการที่เกิดจากการได้รับความร้อนมากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังหรือเล่นกีฬา ในภาวะอากาศร้อนจัดเป็นเวลานาน โดยไม่ได้รับการชดเชยน้ำหรือเกลือแร่ที่สูญเสียอย่างเพียงพอ อาจจะเกิดขึ้นได้แม้ผู้ที่มีร่างกายแข็งแรง

เมื่ออากาศร้อนเหงื่อจะออกมาก เพื่อให้อุณหภูมิในร่างกายเย็นลง ในกรณีที่เกิดลมแดด กลไกควบคุมความร้อนในร่างกายล้มเหลว เหงื่อจะออกน้อยหรือไม่ออกเลย เป็นเหตุให้อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้น เพราะว่าร่างกายขาดน้ำอย่างมากจนไม่เพียงพอต่อการผลิตเหงื่อ

ในคนที่มีอาการของ heat stroke จะถึงขั้นหมดสติ เกิดลมชักและถ้าไม่ได้รับการรักษาปฐมพยาบาลอย่างถูกต้องและทันท่วงที อาจจะถึงขั้นเสียชีวิตได้ ลักษณะที่ลมแดดต่างจากลมร้อน คือ ลมแดดมักพบในเพศชายมากกว่า พบในวัยกลางคนและสูงอายุ นักดื่มสุรา สาเหตุเสริมที่ทําให้เกิดลมแดด คือ อากาศร้อนอบอ้าว ความชื้นสูง การถ่ายเทอากาศไม่ดี

อาการโรคลมแดด
ระยะแรกผู้ป่วยจะรู้สึกผิวหนังร้อนและแห้ง หน้าแดง จะมีอาการกระหายน้ำมาก ชีพจรเร็ว และหายใจลึก ต่อไปอุณหภูมิของร่างกายจะสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจถึง 108 ํ F ชีพจรเบาและไม่สมํ่าเสมอ หายใจตื้น กล้ามเนื้อเกร็งตัว ชัก รูม่านตาขยาย การเคลื่อนไหวและสติสัมปชัญญะควบคุมไม่ได้ อาเจียน ตัวร้อนจัดขึ้นเรื่อย ๆ และหมดสติในเวลาต่อมา ถ้าผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีเทาคล้ายสีขี้เถ้า แสดงว่าใกล้ถึงภาวะหัวใจหยุดทํางาน

การปฐมพยาบาลผู้ป่วยลมแดด
การช่วยเหลือผู้ที่มีอาการเป็นลมแดด ให้นอนราบ ยกเท้าสูงทั้งสองข้าง เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ถอดเสื้อผ้าออก ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือน้ำแข็งประคบตามซอกตัว คอ รักแร้ เชิงกราน ศีรษะ ร่วมกับการใช้พัดลมช่วยเป่าระบายความร้อน หรือเทน้ำเย็นราดลงบนตัวเลย เพื่อลดอุณหภูมิของร่างกายให้ต่ำลง และรีบนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด ในรายที่อาการยังไม่มาก ควรให้ดื่มน้ำเปล่ามากๆ

ทั้งนี้ ผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็ก ผู้สูงอายุ เนื่องจากร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนได้ดีเท่าคนหนุ่มสาว ผู้ที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง ที่ต้องกินยาควบคุมความดัน เช่น ยาขับปัสสาวะ ซึ่งมีผลขับสารโซเดียมออกจากร่างกาย ทำให้มีโอกาสเกิดความผิดปกติของระดับเกลือแร่ได้เร็วกว่าผู้อื่น รวมทั้งผู้ที่เป็นโรคอ้วน หรือผู้ที่อดนอน เนื่องจากจะทำให้ร่างกายตอบสนองต่อความร้อนที่ได้รับช้ากว่าปกติ

ร่วมแสดงความคิดเห็น