“กำเดาไหล” บ่ดีเงย เดี๋ยวปอดอักเสบ!!!

ในช่วงสภาวะอากาศที่ร้อนอบอ้าว อีกทั้งมลภาวะทางอากาศไม่ค่อยเป็นมิตรต่อสุขภาพ ทั้งฝุ่น ทั้งควัน ทำให้ใครหลายคนเกิดอาการแสบตา แสบจมูก บางคนมีอาการเลือดกำเดาไหล

วันนี้ “เชียงใหม่นิวส์” จะมาบอกถึงเหตุที่เลือดกำเดาไหล และข้อปฏิบัติเมื่อเลือดกำเดาไหล

เลือดกำเดาไหลคืออะไร

เลือดกำเดาไหล เป็นอาการที่มีเลือดไหลออกจากรูจมูกเพียงข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง เนื่องมาจากเส้นเลือดภายในโพรงจมูกแตก เลือดกำเดาที่ไหลส่วนใหญ่ไม่ใช่สัญญาณอันตรายของโรคร้ายแรง เพราะเส้นเลือดภายในโพรงจมูกค่อนข้างเปราะบางและแตกได้ง่าย แต่ในบางกรณีที่มีเลือดกำเดาไหลอาจเกิดจากความผิดปกติภายในโพรงจมูก หรืออาการป่วยที่รุนแรงได้เช่นกัน

ชนิดของเลือดกำเดาไหล

เลือดกำเดาที่ไหลออกมาแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ตามลักษณะการเกิด คือ

  1. เลือดที่ออกมาจากโพรงจมูกทางส่วนหน้า มักเกิดกับคนทั่วไป เกิดจากเส้นเลือดบริเวณจมูกส่วนหน้าแตกทำให้มีเลือดไหลออกมา มักไม่ก่อให้เกิดอันตราย ผู้ป่วยสามารถรักษาอาการและทำให้เลือดหยุดไหลได้ด้วยตนเอง
  2. เลือดที่ออกมาจากโพรงจมูกทางส่วนหลัง เกิดจากเส้นเลือดบริเวณจมูกส่วนหลัง หรือส่วนที่อยู่ลึกเข้าไปในโพรงจมูกแตก ทำให้มีเลือดไหลออกมาและไหลเข้าไปในลำคอด้วย ซึ่งอาจเป็นอันตราย และอาจเป็นสัญญาณของการเจ็บป่วยโรคที่ร้ายแรงได้ พบได้มากในผู้ป่วยสูงวัย และควรได้รับการรักษาจากแพทย์

สาเหตุของเลือดกำเดาไหล

การที่หลอดเลือดฝอยในโพรงจมูกแตก มักมีสาเหตุมาจากการระคายเคืองภายในโพรงจมูก ซึ่งปัจจัยที่กระตุ้นการระคายเคืองดังกล่าว ได้แก่

  1. การแคะจมูก หรือใช้ของแข็งแหย่รูจมูก
  2. การจามบ่อย ๆ หรือสั่งน้ำมูกแรง ๆ
  3. ได้รับบาดเจ็บจนจมูกกระทบกระเทือน
  4. อยู่ในสภาพอากาศที่หนาวเย็นและแห้ง
  5. เป็นผลข้างเคียงจากยาบางชนิด เช่น ยาแก้หวัด ยาแก้ภูมิแพ้ ซึ่งทำให้จมูกแห้ง
  6. การทานยาแอสไพรินปริมาณมาก ทำให้มีเลือดออกง่าย
  7. เป็นโรคภูมิแพ้ และได้รับสิ่งกระตุ้นอาการแพ้เป็นประจำ
  8. เป็นโรคความดันโลหิตสูง
  9. มีภาวะเลือดออกผิดปกติ หรือการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ เช่น โรคฮีโมฟีเลีย (โรคเลือดไหลไม่หยุด)
  10. มีการติดเชื้อในทางเดินหายใจส่วนบน
  11. เป็นมะเร็งโพรงจมูก

ภาวะแทรกซ้อนของเลือดกำเดาไหล

เลือดกำเดาไหลอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง หรือเกิดปัญหาสุขภาพได้ เช่น

  1. สำลักเลือด หรืออาเจียน เนื่องจากกลืนเลือดลงไปในกระเพาะอาหารแล้วเกิดอาการแพ้
  2. ภาวะโลหิตจาง (Anaemia) เนื่องจากการสูญเสียเลือดปริมาณมากเป็นเวลานาน

การปฐมพยาบาลเมื่อเลือดกำเดาไหล

  1. ให้นั่งหลังตรง ก้มหน้าลงเล็กน้อย ใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้บีบจมูกเข้าหากัน เพื่อห้ามเลือดที่ไหลจากด้านหน้าโพรงจมูก ทำค้างไว้ 5-10 นาที โดยระหว่างนั้นให้หายใจทางปากแทน และพยายามอย่าขยับร่างกายมาก
  2. หลีกเลี่ยงการแหงนหน้า หรือการนอนราบ เพราะจะทำให้เลือดไหลเข้าไปในคอจนสำลัก หรือเกิดปอดอักเสบได้
  3. หากใช้วิธีบีบจมูกแล้วเลือดยังไม่หยุดไหล อาจใช้ผ้าเย็นหรือผ้าห่อน้ำแข็งมาวางบริเวณสันจมูก เพื่อช่วยให้หลอดเลือดหดตัว รวมถึงอาจวางแผ่นประคบเย็นไว้ที่หน้าผาก เพื่อช่วยลดอุณหภูมิร่างกายก็ได้เช่นกัน
  4. หลีกเลี่ยงการสั่งน้ำมูก และแคะจมูกระหว่างที่เลือดไหล รวมถึงภายใน 24 ชั่วโมงหลังเลือดหยุดไหลแล้วด้วย
  5. หากยังคงมีเลือดกำเดาออกอยู่อีก ให้ไปพบแพทย์ทันที

การป้องกันเลือดกำเดาไหล

1.หลีกเลี่ยงการสั่งน้ำมูกแรง ๆ และการแคะจมูก
2.หลีกเลี่ยงการอยู่ในสภาพอากาศที่แห้งและหนาวเย็น หากจำเป็นควรใช้ปิโตรเลียมเจลทารอบจมูก เพื่อป้องกันโพรงจมูกแห้ง

3.งดการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่
4.หากสาเหตุมาจากยาบางชนิด ให้งดทานยาดังกล่าว เช่น ยาแอสไพริน และยาแก้แพ้ ป้องกันไม่ให้เกิดการกระทบกระเทือนที่โพรงจมูกและศีรษะ

สรุป

อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดอาการเลือดกำเดาไหล เราควรปฐมพยาบาลให้ถูกวิธี เพื่อหลีกเลี่ยงอาการแทรกซ้อนที่อาจเกิดได้ทุกเมื่อ ทั้งนี้ ควรดูแลสุขภาพ ทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง และหลีกเลี่ยงสภาวะอากาศที่จะทำให้เราป่วย

เรียบเรียงโดย : “เชียงใหม่นิวส์”
ภาพจาก : Pinterest

ร่วมแสดงความคิดเห็น