ในช่วงสภาวะอากาศที่ร้อนอบอ้าว อีกทั้งมลภาวะทางอากาศไม่ค่อยเป็นมิตรต่อสุขภาพ ทั้งฝุ่น ทั้งควัน ทำให้ใครหลายคนเกิดอาการแสบตา แสบจมูก บางคนมีอาการเลือดกำเดาไหล
วันนี้ “เชียงใหม่นิวส์” จะมาบอกถึงเหตุที่เลือดกำเดาไหล และข้อปฏิบัติเมื่อเลือดกำเดาไหล
เลือดกำเดาไหลคืออะไร
เลือดกำเดาไหล เป็นอาการที่มีเลือดไหลออกจากรูจมูกเพียงข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง เนื่องมาจากเส้นเลือดภายในโพรงจมูกแตก เลือดกำเดาที่ไหลส่วนใหญ่ไม่ใช่สัญญาณอันตรายของโรคร้ายแรง เพราะเส้นเลือดภายในโพรงจมูกค่อนข้างเปราะบางและแตกได้ง่าย แต่ในบางกรณีที่มีเลือดกำเดาไหลอาจเกิดจากความผิดปกติภายในโพรงจมูก หรืออาการป่วยที่รุนแรงได้เช่นกัน
ชนิดของเลือดกำเดาไหล
เลือดกำเดาที่ไหลออกมาแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ตามลักษณะการเกิด คือ
- เลือดที่ออกมาจากโพรงจมูกทางส่วนหน้า มักเกิดกับคนทั่วไป เกิดจากเส้นเลือดบริเวณจมูกส่วนหน้าแตกทำให้มีเลือดไหลออกมา มักไม่ก่อให้เกิดอันตราย ผู้ป่วยสามารถรักษาอาการและทำให้เลือดหยุดไหลได้ด้วยตนเอง
- เลือดที่ออกมาจากโพรงจมูกทางส่วนหลัง เกิดจากเส้นเลือดบริเวณจมูกส่วนหลัง หรือส่วนที่อยู่ลึกเข้าไปในโพรงจมูกแตก ทำให้มีเลือดไหลออกมาและไหลเข้าไปในลำคอด้วย ซึ่งอาจเป็นอันตราย และอาจเป็นสัญญาณของการเจ็บป่วยโรคที่ร้ายแรงได้ พบได้มากในผู้ป่วยสูงวัย และควรได้รับการรักษาจากแพทย์
สาเหตุของเลือดกำเดาไหล
การที่หลอดเลือดฝอยในโพรงจมูกแตก มักมีสาเหตุมาจากการระคายเคืองภายในโพรงจมูก ซึ่งปัจจัยที่กระตุ้นการระคายเคืองดังกล่าว ได้แก่
- การแคะจมูก หรือใช้ของแข็งแหย่รูจมูก
- การจามบ่อย ๆ หรือสั่งน้ำมูกแรง ๆ
- ได้รับบาดเจ็บจนจมูกกระทบกระเทือน
- อยู่ในสภาพอากาศที่หนาวเย็นและแห้ง
- เป็นผลข้างเคียงจากยาบางชนิด เช่น ยาแก้หวัด ยาแก้ภูมิแพ้ ซึ่งทำให้จมูกแห้ง
- การทานยาแอสไพรินปริมาณมาก ทำให้มีเลือดออกง่าย
- เป็นโรคภูมิแพ้ และได้รับสิ่งกระตุ้นอาการแพ้เป็นประจำ
- เป็นโรคความดันโลหิตสูง
- มีภาวะเลือดออกผิดปกติ หรือการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ เช่น โรคฮีโมฟีเลีย (โรคเลือดไหลไม่หยุด)
- มีการติดเชื้อในทางเดินหายใจส่วนบน
- เป็นมะเร็งโพรงจมูก
ภาวะแทรกซ้อนของเลือดกำเดาไหล
เลือดกำเดาไหลอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง หรือเกิดปัญหาสุขภาพได้ เช่น
- สำลักเลือด หรืออาเจียน เนื่องจากกลืนเลือดลงไปในกระเพาะอาหารแล้วเกิดอาการแพ้
- ภาวะโลหิตจาง (Anaemia) เนื่องจากการสูญเสียเลือดปริมาณมากเป็นเวลานาน
การปฐมพยาบาลเมื่อเลือดกำเดาไหล
- ให้นั่งหลังตรง ก้มหน้าลงเล็กน้อย ใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้บีบจมูกเข้าหากัน เพื่อห้ามเลือดที่ไหลจากด้านหน้าโพรงจมูก ทำค้างไว้ 5-10 นาที โดยระหว่างนั้นให้หายใจทางปากแทน และพยายามอย่าขยับร่างกายมาก
- หลีกเลี่ยงการแหงนหน้า หรือการนอนราบ เพราะจะทำให้เลือดไหลเข้าไปในคอจนสำลัก หรือเกิดปอดอักเสบได้
- หากใช้วิธีบีบจมูกแล้วเลือดยังไม่หยุดไหล อาจใช้ผ้าเย็นหรือผ้าห่อน้ำแข็งมาวางบริเวณสันจมูก เพื่อช่วยให้หลอดเลือดหดตัว รวมถึงอาจวางแผ่นประคบเย็นไว้ที่หน้าผาก เพื่อช่วยลดอุณหภูมิร่างกายก็ได้เช่นกัน
- หลีกเลี่ยงการสั่งน้ำมูก และแคะจมูกระหว่างที่เลือดไหล รวมถึงภายใน 24 ชั่วโมงหลังเลือดหยุดไหลแล้วด้วย
- หากยังคงมีเลือดกำเดาออกอยู่อีก ให้ไปพบแพทย์ทันที
การป้องกันเลือดกำเดาไหล
1.หลีกเลี่ยงการสั่งน้ำมูกแรง ๆ และการแคะจมูก
2.หลีกเลี่ยงการอยู่ในสภาพอากาศที่แห้งและหนาวเย็น หากจำเป็นควรใช้ปิโตรเลียมเจลทารอบจมูก เพื่อป้องกันโพรงจมูกแห้ง
3.งดการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่
4.หากสาเหตุมาจากยาบางชนิด ให้งดทานยาดังกล่าว เช่น ยาแอสไพริน และยาแก้แพ้ ป้องกันไม่ให้เกิดการกระทบกระเทือนที่โพรงจมูกและศีรษะ
สรุป
อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดอาการเลือดกำเดาไหล เราควรปฐมพยาบาลให้ถูกวิธี เพื่อหลีกเลี่ยงอาการแทรกซ้อนที่อาจเกิดได้ทุกเมื่อ ทั้งนี้ ควรดูแลสุขภาพ ทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง และหลีกเลี่ยงสภาวะอากาศที่จะทำให้เราป่วย
เรียบเรียงโดย : “เชียงใหม่นิวส์”
ภาพจาก : Pinterest
ร่วมแสดงความคิดเห็น