เมื่อวันที่ 12 มี.ค.2562 ทางพระมหาสง่า ไชยวงค์ เจ้าอาวาสวัดผาลาด หรือชื่อเดิมวัดผะเลิดในอดีต ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เจริญพรต่อผู้สื่อข่าวว่าพระพุทธรูปสีชมพูนี้ เกิดจากอาตมาได้พูดคุยกับช่างแกะสลักที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย หากพบหินหรือแก้วตามภาษาเหนือ สวยๆ ต้องการให้แกะสลักพระพุทธรูปประจำวัดเพราะวัดชื่อผาลาด ก็มาจากหิน เมื่อปี 2559 ช่างบอกว่ามีหินสีชมพูโรสควอตซ์ ที่เนื้อหินเป็นเนื้อเดียวกันหายาก จึงได้ซื้อให้ช่างแกะใช้เวลาประมาณเกือบ 4 เดือนจนแล้วเสร็จ เป็นพุทธลักษณ์แบบพระสิงห์ 1 ของล้านนา หินโรสควอตซ์ก้อนนี้พบที่พม่า หนักประมาณ 15 กก.
หลังจากแกะแล้ว ได้องค์หนักประมาณ 9 กก. ก็นำมาประดิษฐ์ไว้ที่ศาลพระแก้ว ควบคู่ไปกับองค์อื่นๆ ร่วมไปถึงองค์พระแก้วเนื้อหยกจากแคนนาดา ที่ได้จัดสร้างถวายในหลวงรัชกาล 9 มีหนาตัก 18.9 นิ้ว เป็นพุทธลักษณ์ของพระสิงห์ 1 ยังมีพระแก้วที่แกะจากหยก และหินอเวนจูรีน ที่กำลังจะกลายเป็นหยก สีเขียวสวยงาม ซึ่งเป็นศาลาพระแก้ว หรือศาลาพระที่แกะสลักจากหินอัญมณีชนิดต่างๆ
อย่างไรก็ตาม หินโรสควอตซ์นิยามความอบอุ่น มิตรภาพ และความจริงใจในสถานการณ์ของยุคสมัย ที่สังคมเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด จากการแข่งขัน การต่อสู้ และการแก่งแย่ง เพื่อมุ่งสู่จุดหมายและความสำเร็จ หลายคนอาจมองเป้าหมายที่สมบูรณ์แบบ เป็นเส้นชัยของการดำเนินชีวิต แต่ก็ยังมีผู้คนอีกจำนวนไม่น้อยทีเดียว ที่มองความสำเร็จของชีวิตอยู่ที่ระหว่างทางเดิน ซึ่งแน่นอนว่า เราไม่มีวันรู้อนาคตที่จะไปถึง แต่อย่างน้อยวันนี้ราก็มีความสุข ซึ่งองค์พระชื่อพระเจ้าศิลาชมพู พระแก้วผาลาดวนาราม หากใครได้มากราบไหว้ขอพรจะทำให้จิตใจสงบ จากสีชมพูที่นุ่มนวลอ่อนหวาน แต่มีความเข้มแข็งอยู่ในตัว นอกจากนี้องค์พระที่แกะสลักแล้ว มีชุดฐานและฉัตรที่ทำจากเงินแท้ จะแตกแต่งด้วยอัญมณีฝีมือช่างจากบ้านวัวลาย รวมองค์พระกว่า 5 แสนบาท โดยทุกเทศกาลปีใหม่เมือง จะนำออกมาให้พุทธศาสนิกชนได้สรงน้ำองค์พระ
โรสควอตซ์ (Rose Quartz) หรือหินกุหลาบ เป็นอัญมณีในตระกูลควอตซ์อีกชนิดหนึ่ง ที่มีต้นกำเนิดมาจากการผสมรวมตัวกันของธาตุไทเทเนียม เหล็ก และแมงกานิส จนเกิดเป็นสีชมพูสวยงาม และมีความนุ่มนวลอ่อนหวานในตัวเอง จนกลายเป็นที่มาของความหมายมากมาย ที่เกี่ยวกับความอบอุ่น ความอ่อนโยน มิตรภาพ และการให้อภัย ดังนั้นจึงอาจเรียกได้ว่า โรสต์ควอตซ์ หรือหินกุหลาบ คืออีกหนึ่งอัญมณี ที่มีความหมายมุ่งเน้นไปในเรื่องของการใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน นั่นเอง
ทั้งนี้ คนโบราณต่างเชื่อกันว่า พลังของโรสควอตซ์จะช่วยดึงดูดมิตรสหาย กระตุ้นพลังมิตรภาพในตัวของผู้ครอบครอง และสร้างสัมพันธภาพอันดีให้เกิดขึ้นระหว่างบุคคลทั้งสองฝ่าย เป็นการแสดงออกถึงความจริง และความมั่นใจ ที่ทั้งสองฝ่ายพึงปรารถนา ที่จะถ่ายทอดสู่กันและกันอย่างตรงไปตรงมา ที่สำคัญ โรสควอตซ์ยังมีพลังแฝงเร้นในด้านการทำลายอคติ ความคิดในด้านลบ ความเกลียดชัง ความคิดริษยา ลดความโกรธ ความเร้าร้อนในใจ กระตุ้นให้ผู้ที่ครอบครองเกิดความรู้สึกในทางบวก รู้สึกถึงการให้อภัย และเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกปรารถนาดีต่อผู้อื่น และทั้งหมดนี้ก็คือสิ่งที่เรียกว่า “เสน่ห์” นั่นเอง
ร่วมแสดงความคิดเห็น