รองผู้ว่าฯ คุมเข้มหมอกควันไฟป่า สั่งกำนัน-ผญบ.ปิดป่าสกัดการเผา และเพิ่มความถี่ฉีดพ่นละอองน้ำ

เชียงใหม่ยังเผชิญหมอกควันหนาทึบทั้งวัน ค่าฝุ่นละอองPM2.5เกินค่ามาตรฐานกว่า2เท่าตัว แถมAQIยังครองแชมป์อันดับ1ของโลก ขณะที่รองผู้ว่าฯ เผยสั่งกำนัน-ผญบ.คุมเข้มปิดป่าสกัดการเผา และเพิ่มความถี่ฉีดพ่นละอองน้ำ

รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า วันนี้(12 มี.ค.62) ทั่วพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ยังคงเผชิญสถานการณ์ปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็กรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยสภาพตัวเมืองเชียงใหม่ถูกปกคลุมหนาทึบด้วยหมอกควันตลอดทั้งวัน ทั้งมองเห็นเป็นสีขุ่นมัวขาวด้วยตาเปล่าและมีกลิ่นควันไฟ ขณะที่รายงานผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศจากสถานีของกรมควบคุมมลพิษ เมื่อเวลา 14.00 น.พบว่าค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กPM2.5 สูงเกินค่ามาตรฐาน 50 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร กว่า 2 เท่าตัว

โดยที่สถานีตรวจวัดตำบลช้างเผือก และตำบลศรีภูมิ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ วัดค่าได้ 122 และ 106 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ อยู่ในระดับที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่งมีคำเตือนให้ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงทั้งเด็ก หญิงตั้งครรภ์ คนแก่ และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หากมีความจำเป็นให้สวมใส่หน้ากากอนามัยป้องกัน

นอกจากนี้ข้อมูลผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศจากเว็บไซต์ www.airvisual.com ที่เก็บข้อมูลเปรียบเทียบคุณภาพอากาศทั่วโลก พบว่าช่วงเวลา 14.00 น.วันนี้ จังหวัดเชียงใหม่ มีค่าAQIหรือดัชนีคุณภาอากาศสูงที่สุดเป็นอันดับ 1 เมื่อเทียบกับเมืองสำคัญต่างๆ ทั่วโลก โดยมีค่าAQIอยู่ที่ 271 รองลงมาเป็นเมืองดากา ประเทศบังคลาเทศ 179 และเมืองเฉินตู ประเทศจีน 177

ขณะเดียวกันรายงานข่าวแจ้งว่าผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศทั้ง 9 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ช่วงบ่ายวันนี้ ต่างพบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กPM2.5 สูงเกินค่ามาตรฐานเช่นกัน โดยสูงสุดที่ตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย วัดได้ 158 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร รองลงมาที่ตำบลบ้านดง อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง 142 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และตำบลนาจักร อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ 140 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร

ด้านนายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากสภาพอากาศในช่วง 1 – 2 วันนี้ ที่มีคุณภาพอากาศที่เกินมาตรฐาน เป็นเพราะปัจจัยภายนอกที่เราควบคุมไม่ได้ เนื่องจากศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือรายงานว่าภาคเหนือตอนบนในช่วงนี้กระแสลมค่อนข้างนิ่ง โดยเฉพาะลมด้านบน ซึ่งสังเกตได้ว่าวันเสาร์อาทิตย์ผ่านมา คุณภาพอากาศของจังหวัดเชียงใหม่ดีมาก เป็นสีเหลืองกับสีเขียว สามารถเห็นดอยสุเทพชัดเจน แต่พอมา 2 วันนี้กลับมาเป็นสีแดง ฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน

ทั้งนี้สวนทางกับค่า Hotspot ที่เมื่อวานนี้ (11 มี.ค. 62) เกิดเพียงแค่ 14 จุด และเป็นพื้นที่ที่เล็กๆ แต่เกิดอยู่ในพื้นที่เขตป่าสงวนและป่าอนุรักษ์ ไม่มีพื้นที่ทางการเกษตร ดังนั้นทางจังหวัดเชียงใหม่ จึงกำชับให้ทุกพื้นด้วยการเชิญกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่มาพูดคุย แล้วให้ไปดำเนินการประกาศปิดป่าและมีการตรวจคนเข้า-ออก รวมทั้งจัดทำบัญชีผู้มีอาชีพหาของป่า

ตลอดจนให้ชี้แจงทำความเข้าใจและเริ่มดำเนินการเชิญกลุ่มที่เข้าไปหาของป่าล่าสัตว์ และคาดว่าอาจจะมีการเผาป่า ให้มาปรับเปลี่ยนอาชีพ หรือหาอาชีพเสริมในช่วงภัยแล้ง เช่น การทำปุ๋ยหมัก ปุ๋ยอินทรีย์ ที่จะเอาไว้ใช้ในช่วงฤดูที่จะทำการเกษตร เป็นต้น ควบคู่กับการดำเนินการตามกฎหมายหากพบมีการเผาป่าอย่างจริงจัง โดยที่ผ่านมาได้ดำเนินคดีไปแล้ว 2 ราย คือ ที่อำเภอเชียงดาว และอำเภออมก๋อย

รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ บอกด้วยว่า ขณะนี้ยังคงต้องเน้นเรื่องการรณรงค์ประชาสัมพันธ์สร้างความตระหนักรู้ถึงปัญหามลพิษในอากาศที่มีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในรูปแบบเคาะประตูบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเด็ก และคนชรา ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีภูมิต้านทานน้อยจึงต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ รวมถึงมาตรการฉีดพ่นเพิ่มละอองน้ำในเขตชุมชน

โดยทางหน่วยงานภาครัฐได้นำรถบรรทุกน้ำฉีดพ่นละอองน้ำในพื้นที่รอบคูเมือง และตามชุมชนทุกพื้นที่ เพื่อลดค่าฝุ่นละออง ซึ่งได้เพิ่มรอบความถี่จากปกติจะฉีดพ่นตอนช่วงเช้าและช่วงบ่าย ตอนนี้ได้เพิ่มเป็นฉีดพ่นทุกชั่วโมง โดยเฉพาะในย่านชุมชนที่มีคนอยู่จำนวนมาก ขณะเดียวกันชื่นชมประชาชนและชุมชนที่ช่วยกันฉีดพ่นน้ำและรดน้ำต้นไม้ตามบ้านเรือนของตัวเองเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศด้วย

ร่วมแสดงความคิดเห็น