หนุ่ม นศ. ม.ดังเชียงใหม่ ออกเดินรณรงค์ แขวนป้ายติดแถลงการณ์ ใส่หน้ากาก ชี้ให้เห็นถึงผลกระทบมลพิษในเชียงใหม่ วอน จนท.แก้ไขอย่างจริงจัง

วันที่ 16 มี.ค.62 รายงานข่าวแจ้งว่า จากการที่เมื่อช่วงสายของวันนี้ ที่ได้มีการจัดกิจกรรมเปิดยุทธการสยบไฟป่าและแก้ปัญหาหมอกควัน ที่บริเวณลานเอนกประสงค์ประตูท่าแพ อ.เมืองเชียงใหม่ เพื่อระดมกำลังจากเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนในการเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาหมอกควัน ภายหลังจากที่ขณะนี้ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และพื้นที่ใกล้เคียง ที่กำลังประสบปัญหามลพิษหมอกควันที่เพิ่มปริมาณสูงจนเกินค่ามาตรฐาน และมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ โดยระหว่างการจัดกิจกรรมอยู่นั้นได้มี นายธีระพล ขุนหมื่น ลายประดิษฐ์ ซึ่งเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 จากมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ได้แต่งกายด้วยชุดนักศึกษา และสะพายกระเป๋า ที่ด้านหลังแขวนแผ่นป้ายฟิวเจอร์บอร์ดพร้อมคำแถลงการณ์ สวมแว่น หน้ากากอนามัย และเครื่องช่วยหายใจ ออกมาเรียกร้องให้ทางเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาหมอกควันที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกัน ยังได้มีการแจงใบแถลงการณ์ให้กับประชาชนและผู้สื่อข่าว

ทั้งนี้ทางด้าน นายธีระพล ขุนหมื่น ลายประดิษฐ์ กล่าวว่า ตามที่เกิดวิกฤติการณ์ปัญหาการแพร่กระจายของ “ฝุ่นพิษ” เกินมาตรฐาน 50 ไมโครกรัม/ลบ.ม.ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่มาอย่างต่อเนื่องหลายสัปดาห์ และยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลงหรือหายไปได้ เหตุดังกล่าวขณะนี้ได้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการท่องเที่ยว เศรษฐกิจ และเป็นภัยอันตรายต่อสาธารณชนอย่างรุนแรงและกว้างขวาง หลายคนต้องเจ็บป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ภูมิแพ้ ตาอักเสบ ฯลฯ ต้องเสียเงินเป็นค่ารักษาพยาบาล

ขณะเดียวกัน ระดับฝุ่นละอองขนาดเล็กที่สูงนี้ส่งผลกระทบเด็กอย่างไม่สามารถแก้ไขได้ ปกติแล้วเด็กมีอัตราการหายใจถี่กว่าผู้ใหญ่นั่นหมายความว่าเด็กจะสูดอากาศที่มีมลพิษเข้าไปมากกว่าผู้ใหญ่ ยิ่งเด็กอายุน้อยเท่าไหร่อัตราการหายใจเข้าต่อนาทีก็ยิ่งถี่มากขึ้นเท่านั้น และเนื่องจากอวัยวะของเด็กกำลังพัฒนา เด็กจึงมีความเปราะบางต่อผลกระทบต่างๆ มากกว่าทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เมื่อฝุ่นละอองขนาดเล็ก Pm 2.5 ผ่านเข้าไปในสมองของเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กที่อยู่ในครรภ์มารดาฝุ่นละอองเหล่านี้จะทำลายเซลล์สมอง ส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทางสติปัญญาซึ่งสามารถส่งผลต่อการเรียนรู้ ความเป็นอยู่ และความสามารถในการประกอบอาชีพในระยะยาวด้วย

มีเพียงแนวทางการแก้ปัญหาระยะยาวเท่านั้นที่จะช่วยให้เด็กๆ เติบโตในสิ่งแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพ และเรียนรู้ได้อย่างไม่จำกัด การแก้ปัญหาวิกฤติฝุ่นละอองขนาดเล็กที่มีประสิทธิภาพจะสำเร็จได้ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนของรัฐ ร่วมกันแก้ไขปัญหาเพื่อเป้าหมายเดียวกันคือเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีสำหรับเด็ก ตลอดถึงประชาชนทุกคนเพื่อให้จังหวัดเชียงใหม่มีอากาศที่สะอาด บริสุทธิ์ ให้อยู่ถึงลุกหลานสืบไป

อย่างไรก็ตามในการกระทของตนครั้งนี้ เพียงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานทางภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเล็งเห็นความสำคัญในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างจริงจัง โดยการเข้ามามีส่วนร่วมกับทุกฝ่าย และควรดำเนินการแก้ไขตั้งแต่เนิ่นๆ ด้วยการแก้ไขจากต้นเหตุ ไม่ใช่ปลายเหตุ หรือเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วจึงออกมาแก้ไข หรือมาร่วมมือกัน แต่ควรเป็นการดำเนินการกันในระยะยาว เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และได้ผลมากที่สุด

ร่วมแสดงความคิดเห็น