ผวจ.เชียงใหม่ ปรับแผนแก้หมอกควัน สั่ง 18 หน่วยงาน เร่งฉีดน้ำรอบคูเมือง และบริเวณเส้นทางโดยรอบเขตเมือง ตลอดทั้งวัน

ผู้ว่าฯ ปรับแผนแก้หมอกควัน สั่ง 18 หน่วยงานเร่งฉีดน้ำรอบคูเมือง และบริเวณเส้นทางโดยรอบเขตเมืองเชียงใหม่ตลอดทั้งวัน ขณะที่จังหวัดเตรียมจัดเซฟตี้โซนให้ประชาชนในกลุ่มเสี่ยง ได้มีสถานที่ปลอดภัยจากหมอกควัน

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 26 มี.ค. 62 นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานแถลงข่าวสื่อมวลชนประจำสัปดาห์ ที่ห้องประชุม 4 ชั้น 4 อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีวาระสำคัญเรื่องแก้ไขปัญหาหมอกควัน ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่

นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ปัญหาหมอกควันจังหวัดเชียงใหม่ ต้องบอกว่าเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี ซึ่งจำเป็นต้องแก้ไขทั้งระยะเร่งด่วน ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อไม่ให้เกิดขึ้นในอนาคต และจุดที่เป็นปัญหาคือเรื่องของการลักลอบเผาป่า ล่าสัตว์ ดังนั้น ต้องแก้ไขปัญหาจุดนี้ให้ได้อย่างจริงจัง และการลักลอบเผาจะเห็นว่า เกิดขึ้นในช่วงกลางคืนมากกว่ากลางวัน เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปดับไฟป่า ก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะอยู่ในความมืดและเสี่ยงอันตรายที่จะบาดเจ็บ ขณะเดียวกันระยะเร่งด่วนที่ต้องทำนอกเหนือการดับไฟป่า และจับกุมผู้กระทำความผิดแล้ว ทางจังหวัดก็ได้ฉีดพ่นละอองน้ำ เพื่อสร้างความชุ่มชื้นและกำจัดฝุ่นที่เกาะตามต้นไม้ ให้ตกลงมาสู่พื้นไม่กระจายขึ้นไปในอากาศ

ในขณะนี้ก็มีการปรับแผนการดำเนินงานแล้ว จากเดิมที่จะทำเป็นห้วงเวลา ตอนนี้ก็ได้ประสานให้ 18 หน่วยงาน ทั้งเทศบาล, มทบ.33, แขวงทางหลวง, กองบิน 41, สำนักงาน ปภ.เชียงใหม่, อบจ.เชียงใหม่ ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่ รวมถึงเขตพื้นที่รอบๆ ตัวเมืองเชียงใหม่ ให้ออกมารับผิดชอบในพื้นที่ของตนเอง ด้วยการฉีดพ่นละอองน้ำสร้างความชุ่มชื้น ให้เกิดความถี่ในการปฏิบัติงานมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็ได้รับความร่วมมือจากการประปาเชียงใหม่ ในการติดตั้งอุปกรณ์ฉีดพ่นละอองน้ำที่สะพานนวรัฐ, ประตูท่าแพ, รอบคูเมืองเชียงใหม่ และปรับเปลี่ยนจากซุ้มที่ใช้ในห้วงเทศกาลไม้ดอกไม้ประดับ เมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา นำมาติดตั้งเครื่องพ่นละอองน้ำสร้างความชุ่มชื้นแทน

หลังจากประสานงานการปฏิบัติไปเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้ก็จะมีการติดตามว่า แต่ละหน่วยปฏิบัติงานอย่างไร เพื่อให้เกิดรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ส่วนกระแสทางโซเชียลและการส่งข้อมูลมาให้จังหวัด ไม่ว่าจะเป็นข้อแนะนำ หรือกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่อว่าการปฏิบัติงานในรูปแบบต่างๆ ทางจังหวัดก็ต้องขอบคุณประชาชนที่มีกระแสดังกล่าวออกมา เพราะจะได้รู้ว่า ประชาชนคิดเห็นอย่างไร และต้องการจะให้ทางจังหวัดทำอย่างไร ซึ่งตอนนี้ก็นำแผนการปฏิบัติต่างๆ มาปรับเปลี่ยน นำมาใช้แก้ไขอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเร่งแจกหน้ากากอนามัยให้กับประชาชนที่ใช้ในการป้องกันฝุ่นควันด้วย และการประชุมเชียงใหม่ฟอร์รัม จะมีการจัดขึ้นแน่นอน ในช่วงเวลา 15.00 น.วันนี้จะมีการประชุมเป็นครั้งแรกในกลุ่มย่อยของนักวิชาการ และผู้เกี่ยวข้อง จำนวน 50 คน จากนั้นก็จะขยายเป็นการเปิดกว้างให้กับประชาชนเข้ามาเป็นเวทีสาธารณะ รับฟังความคิดเห็นการแก้ไขปัญหาอีกครั้ง

นายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวเสริมว่า การแก้ไขปัญหาหมอกควัน พี่น้องประชาชนก็ต้องร่วมมือกันด้วย ที่ผ่านมาจะเห็นว่าประชาชนชื่นชอบการเซลฟี่หน้าตนเอ ขณะที่ใส่หน้ากากอนามัย แต่ขอให้เปลี่ยนรูปแบบได้หรือไม่ มาช่วยกันคนละไม้คนละมือ นอกเหนือจากการบอกว่าอากาศมีมลพิษแล้ว เปลี่ยนมาเป็นการเซลฟี่ตนเอง ขณะฉีดพ่นน้ำต้นไม้ในบ้าน ล้างถนนหน้าบ้าน และกิจกรรมต่างๆ ที่สร้างความชุ่มชื้น แล้วแชร์ต่อๆ กันไป เพื่อให้เกิดการร่วมมือกันและทำเป็นกระแสสังคมที่ทุกคนทำร่วมกันทั้งจังหวัด ก็จะช่วยให้เกิดความชุ่มชื้นและลดฝุ่นละอองไปได้มาก และยังเป็นผลดีต่อประชาชนที่ทำด้วย เพราะฝุ่นที่เกาะตามต้นไม้ และตามพื้นถนน จะไม่ฟุ้งกระจายเข้ามาในบ้านด้วย

นอกจากนี้ ทางจังหวัดก็ได้ปรึกษากับทางนักวิชาการมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งได้ข้อแนะนำมาว่า ควรจะมีพื้นที่ที่เรียกว่าปอดของคนเชียงใหม่ หรือเซฟตี้โซน เพื่อให้ประชาชนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ ได้มาใช้พื้นที่แห่งนี้ เพราะจะมีเครื่องกรองอากาศติดตั้งไว้ให้ โดยทางมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จะจัดพื้นที่ไว้ รวมถึงศาลากลางจังหวัด เทศบาลนครเชียงใหม่ อำเภอเมืองเชียงใหม่ ก็จะมีการเตรียมห้องไว้ให้กับประชาชนได้มาพักในห้องดังกล่าว แต่ทั้งนี้ไม่ใช่เฉพาะคนในตัวเมืองเชียงใหม่เท่านั้น ก็มีการขยายผลไปทุกอำเภอของจังหวัดเชียงใหม่ด้วย โดยให้แต่ละอำเภอไปดูสถานที่ หรือจัดสถานที่ที่เหมาะสม ให้เป็นปอดประจำอำเภอนั้นๆ เพื่อให้ประชาชนได้มีพื้นที่มาพักจากสถานการณ์หมอกควันที่ปกคลุมในพื้นที่ต่างๆ

สำหรับประเด็นเรื่องที่ว่า ทางพระสงฆ์ได้นำเครื่องถ่ายเทอากาศมาทดสอบที่ศาลากลาง เพื่อไล่หมอกควันที่ปกคลุมในพื้นที่ในช่วงก่อนได้ผลหรือไม่ เรื่องนี้ขอชี้แจงว่า ทุกเรื่องต้องมีความเป็นไปได้ทางวิทยาศาสตร์ และการที่พระสงฆ์ได้นำเครื่องดังกล่าว มาช่วยก็เปรียบเสมือนว่า มีคนจมน้ำ อะไรที่ใครเข้ามาช่วยได้เราก็รับหมด แต่สิ่งนี้ต้องขอเวลาตรวจสอบให้เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์ด้วย เพราะช่วงที่ทดสอบนั้นทางจังหวัดไม่มีเครื่องวัด PM2.5 ที่นำมาวัดใกล้กับเครื่อง แต่ต้องไปใช้เครื่องวัดในอีกจุดหนึ่งที่อยู่ห่างออกไป ผลที่ออกมาก็ไม่ได้ลดลงอะไรมาก ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะเครื่องอยู่ไกล หรืออาจจะเพราะหมอกควันในช่วงนั้นมีมากเกินกว่าที่เครื่องจะรับได้ ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ในช่วงของการทดสอบอยู่ อีกส่วนหนึ่งหากดูด้วยตาตนเองที่ไม่ได้ใช้แนวหลักวิทยาศาสตร์ ก็จะเห็นว่า พอเปิดเครื่อง ก็จะมีกระแสลมอ่อนๆ เกิดขึ้นโดยรอบ ทำให้อากาศดีขึ้นจริง ทั้งที่ก่อนหน้านั้นลมสงบ และนำไปเปิดที่วัดก็พบว่า อากาศดีขึ้น แต่ทั้งนี้ยังพิสูจน์อะไรทั้งหมดไม่ได้ จนกว่าจะออกมาเป็นแนวทางของวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจน

นพ.วรัญญู จำนงประสาทพร รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จากรายงานสถานการณ์คุณภาพอากาศในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่ามีคุณภาพอากาศอยู่ในระดับ ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ นำโดยบุคลากรด้านการแพทย์และสาธารณสุข ร่วมกับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) ออกเยี่ยมบ้านประชาชน “อสม.เคาะประตู สู้ควันไฟ เพื่อลมหายใจทุกคน” เพื่อสร้างความเข้าใจผลกระทบจากฝุ่นละอองต่อสุขภาพ และให้ความรู้ในการใส่หน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธี ตลอดจนประชาสัมพันธ์การห้ามเผาทุกชนิด และจากรายงานจำนวนผู้ป่วย 4 กลุ่มโรคที่ได้รับผลกระทบจากภาวะหมอกควันและไฟป่า จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม – 23 มีนาคม 2562 ของสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1 เชียงใหม่ พบว่า มีผู้ป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจทุกชนิด 4,870 ราย, โรคหัวใจและหลอดเลือดทุกชนิด 3,767 ราย, โรคผิวหนังอักเสบ 374 รายและโรคตาอักเสบ 339 ราย

ขณะที่ผ่านมากระแสสังคมออกมาต่อว่า ในเรื่องการแจกหน้ากากอนามัย ทำไมไม่แจกแบบป้องกัน PM2.5 ได้ ชี้แจงว่า หน้ากากป้องกัน PM2.5 ค่อนข้างจะหายากในขณะนี้ แต่สิ่งที่ต้องทำเร่งด่วนคือ การนำหน้ากากอนามัยที่มีอยู่ออกแจกจ่ายให้กับประชาชนได้ป้องกันก่อน แม้ว่าจะป้องกันไม่ได้ทั้งหมด แต่ก็สามารถป้องกันและลดฝุ่นละอองที่จะเข้าสู่ร่างกายได้บางส่วน ดีกว่าไม่ได้ป้องกันอะไรเลย และสิ่งที่แนะนำว่า ให้นำกระดาษทิชชู่สองแผ่นซ้อนไว้ด้านในจะช่วยป้องกันค่า PM2.5 ได้ แต่ก็มีหลายคนบอกว่าป้องกันไม่ได้ จุดนี้ต้องอธิบายว่า ขึ้นอยู่กับการใส่หน้ากากอนามัยด้วย บางคนใส่แล้วไม่กระชับกับใบหน้าของตนเอง ก็ป้องกันไม่ได้ แม้จะไม่เทียบเท่ากับหน้ากากป้องกัน PM2.5 ได้ชัดเจน แต่วิธีการนี้ก็ป้องกันได้มากขึ้นกว่าการใส่หน้ากากอนามัยแบบธรรมดา หลังจากนี้ทางสาธารณสุขก็เตรียมที่จะจัดซื้อหน้ากากที่ป้องกัน PM2.5 มาแจกจ่ายให้กับประชาชนเพิ่มขึ้น แต่ก็ต้องรอสักระยะเพราะหน้ากากดังกล่าว ต้องเน้นเรื่องของกลุ่มเด็ก ผู้สูงอายุ และกลุ่มผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจเป็นหลักก่อน

ด้วยความห่วงใยจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ จึงได้สั่งการให้ทุกโรงพยาบาลเตรียมความพร้อมในการดูแลผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัว เช่น โรคหอบหืด โรคถุงลมโป่งพอง โรคหัวใจ และขอย้ำเตือนให้ประชาชนทุกคน ดูแลสุขภาพตนเองด้วย 5 มาตรการ “หลีก ปิด ใช้ เลี่ยง ลด” คือ 1.) หลีกการสัมผัสฝุ่นละออง 2.) ปิดประตู หน้าต่างให้มิดชิด ป้องกันฝุ่นละออง ทำความสะอาดบ้านทุกวัน 3.) สวมหน้ากากป้องกันฝุ่น 4.) เลี่ยงการออกกำลังกาย หรือทำงานกลางแจ้งเป็นเวลานาน และ 5.) ลดการใช้รถยนต์และการเผาขยะ ทั้งนี้หากพบอาการผิดปกติให้รีบพบแพทย์ทันที สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กลุ่มงานอนามัยสิ่งแวดล้อมและอาชีวอนามัย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่

ร่วมแสดงความคิดเห็น