เตือนภัย !! หนุ่มกลับบ้านฉลองสงกรานต์กิน “หลู้หมูดิบ” เกิดอาการติดเชื้อในกระแสเลือด​ ถึงกับต้องตัดขา 2 ข้าง

เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2562 เพจเฟซบุ๊ก “บิ๊กเกรียน” ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพประกอบ เตือนภัย โดยระบุข้อความว่า

“เปา นพรัตน์ มิลินทานุช” หนุ่มผู้เคราะห์ร้าย เล่าว่า เมื่อสงกรานต์ ปี 59 กลับบ้านเกิด จังหวัดสุโขทัย จัดงานเลี้ยงสังสรรค์กัน หลังจากกลับมากรุงเทพ เริ่มมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว หนาวสั่น มือเท้าเย็น อาการเริ่มทรุดหนัก ตัดสินใจไปโรงพยาบาล ผลคือ ติดเชื้อในกระแสเลือด อาการเริ่มทรุดหนัก โลหิตเป็นพิษ ไตวายเฉียบพลัน การหายใจล้มเหลว และผิวหนังอักเสบ หากภายใน 48 ชั่วโมง ชีพจรยังไม่ดีขึ้นก็คือไม่รอด
สุดท้าย​ เขา​ สูญเสียขาทั้งสองข้าง เนื่องจากเชื้อไปรวมอยู่ที่ปลายเท้า ทำให้เกิดภาวะเนื้อตาย มีลักษณะ ดำ แข็ง แห้ง ต้องตัดขาออกอย่างเดียว ถึงจะหยุดการแพร่เชื้อได้

เชื้อที่พบคือ เชื้อแบคทีเรีย สเตรปโตค็อกคัส ซูอิส หรือ โรคไข้หูดับ จากการกินเนื้อหมู และเลือดหมูดิบ มีอันตรายมาก เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายคน จะมีระยะฟักตัว 1-3 วัน จึงเริ่มเกิดอาการ​ ป่วย ระยะแรก​ มีไข้สูง คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะรุนแรง ปวดตามข้อ ต่อมาเชื้อจะเข้าสู่กระแสโลหิต ทำให้เยื่อหุ้มสมองอักเสบ อาจสูญเสียการได้ยิน ในรายที่มีอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้”

กรมควบคุมโรคสิ่งเตือน ประชาชนต้องระมัดระวังเป็นพิเศษคือเรื่องการกินอาหาร โดยเฉพาะเนื้อหมูที่ชำแหละกันเองในชุมชน จากนั้นนำมากินดิบ หรือสุกๆ ดิบๆ เช่น ลาบ หลู้หมูดิบ ซึ่งเป็นอาหารพื้นบ้านที่มีการปรุงที่ใส่เลือดหมูดิบผสม หรือการปิ้งย่างไม่สุก เป็นต้น ซึ่งเสี่ยงติดเชื้อโรคไข้หูดับ หรือโรคติดเชื้อสเตร็ปโตค็อกคัส ซูอิส และอาจทำให้หูหนวกถาวรหรือเสียชีวิตได้

จากข้อมูลของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม–23 มีนาคม 2562 มีรายงานผู้ป่วยโรคไข้หูดับแล้ว 44 คน เสียชีวิต 8 คน ได้แก่ จ.นครราชสีมา และนครสวรรค์ จังหวัดละ 3 คน และ จ.สุโขทัย และชัยนาท จังหวัดละ 1 คน ส่วนกลุ่มอายุที่ป่วยมากที่สุด คืออายุ 65 ปีขึ้นไป รองลงมา คือ 45-54 ปี และอายุ 55-64 ตามลำดับ ซึ่งพบว่าอยู่ในกลุ่มวัยทำงานและผู้สูงอายุ และอาชีพที่พบส่วนใหญ่ คือรับจ้าง ร้อยละ 52.3 รองลงมา คือเกษตรกร ร้อยละ 25.0

ร่วมแสดงความคิดเห็น