ชาวบ้านแม่เหียะส่งหนังสือตรง รมว.เกษตรฯ – รมว.มหาดไทย ปัญหาที่ดินสาธารณะบ้านสันพระนอน เมืองเชียงใหม่ ยืดเยื้อหลายสิบปี

เมื่อวันที่ 11 เม.ย.2562 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีประชาชนชาวบ้านใน ต.แม่เหียะ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ คือนายประหยัด จตุพรพิทักษ ประธานศูนย์พิทักษ์สิทธิชุมชนตำบลแม่เหียะ กับนายดี จันทคลักษณ์ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผลิตอาหารสัตว์ 4 ตำบล ได้ทำหนังสือส่งถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยส่งไปรษรีย์ EMS ด่วนพิเศษ ผู้ทำหนังสือดังกล่าว ยังได้ทูลเกล้าภวายฎีกาขอพระราชทานความเป็นธรรมด้วย

ศูนย์พิทักษ์สิทธิชุมชนตำบลแม่เหียะ ตั้งอยู่เลขที่ 111 หมู่ 4 ต.แม่เหียะ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ทำหนังสือร้องเรียนไปที่ รมว.เกษตร คือปัญหาที่ดินสาธารณะบ้านสันพระนอนเลขที่ 118/2 หมู่ 5 ต.แม่เหียะ จำนวนเนื้อที่ 7 ไร่ 1 งาน 71 ตารางวา ที่หน่วยงานกระทรวงเกษตร เข้าไปสร้างอาคารสำนักงานและนำอุปกรณ์เครื่องจักรเข้ามาในพื้นที่ซึ่งที่ดินที่เกิดปัญหาอาจจะไม่ถูกต้องตามกฏหมายชาวบ้านเคยร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงานเข้าไปตรวจสอบแล้ว

ใจความของหนังสือที่ส่งไปรษณีย์ถึง รมว.เกษตร ลงวันที่ 11 เม.ย.2562 ระบุถึงปัญหา เรื่อง ขอให้เจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมการเกษตรย้ายออกจากที่ดินสาธารณประโยชน์สำหรับพลเมือง โดยราษฎรที่เรียกร้องขอความเป็นธรรมเพราะกระบวนการยุติธรรมที่ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองเชียงใหม่ พ.ศ.2552 ในคดีหมายเลขแดงที่ 286/2554 ซึ่งชาวบ้านชนะคดี ศาลปกครองตัดสินไปแล้วเมื่อวันที่ 12 ต.ค.2554 แล้วให้กรมส่งเสริมการเกษตรคืนพื้นที่สาธารณะประโยชน์ประเภทพลเมือง คืนพื้นที่ดินดังกล่าวให้ประชาชน และให้กรมส่งเสริมการเกษตรออกจากพื้นที่ดินสาธารณะที่เลี้ยงสัตว์บ้านสันพระนอน และรื้อถอนสิ่งก่อสร้างออกจากพื้นที่สาธารณะประโยชน์ดังกล่าว ภายใน 360 วัน แต่ไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งศาลตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา

หนังสือที่ส่งทางไปรษณีย์ถึง รมว.เกษตร ขอให้พิจารณาสั่งการให้เจ้าหน้าที่ของศูนย์ส่งเสริมการเกษตรที่สูงจังหวัดเชียงใหม่ สำนักส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 จังหวัดเชียงใหม่ กรมส่งเสริมการเกษตร ย้ายออกจากพื้นที่สาธารณประโยชน์สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันแล้วนั้น เอกสารที่ยื่น รมว.เกษตร ที่ชาวบ้านทำขึ้นยังได้บอกรายละเอียดกรณีให้ตรวจสอบและลงโทษเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมการเกษตรตามระเบียบกฎหมาย ด้วยเหตุผลเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมการเกษตรที่เข้ามาแย่งชิงการใช้ประโยชน์ในที่ดินสาธารณประโยชน์เป็นปัญหาที่ยึดเยื่อมานาน จนราษฎรตำบลแม่เหียะได้ทูลเกล้าถวายฎีกาขอพระราชทานความเป็นธรรมไปยังสำนักราชเลขาธิการตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค.2557 และถวายฎีกาเพิ่มเติมเมื่อ 11 มี.ค.2558 เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ใน 4 ประการ คือ 1.ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ คณะกรรมการตรวจการแผ่นดิน สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็น DSI ที่มีอำนาจในการตรวจสอบ การปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ ส่อการทุจริต ฉ้อราษบังหลวง ได้เร่งตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายต่อกรมส่งเสริมการเกษตรในการนำงบประมาณแผ่นดินมาดำเนินก่อสร้างอาคารพร้อมติดตั้งอุปกรณ์เครื่องอบไอน้ำ ปล่อยรกร้างจนใช้งานไม่ได้มานานในพื้นที่สาธารณะที่พลเมืองใช้ร่วมกันโดยไม่ได้มีการถอนสภาพและขอใช้ประโยชน์ให้ถูกต้องตามคำพิพากษาศาลปกครองเชียงใหม่ และยังมีการกระทำที่ส่อการทุจริต ฉ้อราษบังหลวง รวมทั้งการละเว้นการไม่ปฎิบัติหน้าที่ของกรมส่งเสริมการเกษตรที่ทิ้งร้างเครื่องจักรที่เคยมีมูลค่านับร้อยล้านบาทและเป็นภาษีของราษฎรไทยโดยไม่ดำเนินการให้เกิดประโยชน์ใดๆ

ในตอนท้ายราษฎรทำหนังสือ ขอความเป็นธรรมและขอให้ รมว.เกษตร ได้พิจารณาดำเนินการสั่งการให้เจ้าหน้าที่ของกรมส่งเสริมการเกษตรย้ายออกจากพื้นที่สาธารณประโยชน์สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตามหลักฐานน.ส.ล.เลขที่ 4145/2515 เนื้อที่ 7 ไร่ 1 งาน 71 ตารางวาตามที่นายอำเภอเมืองเชียงใหม่ได้ปฎิบัติตามอำนาจหน้าที่ตามระเบียบกฎหมายและตามคำสั่งศาลปกครองเชียงใหม่และ,พิจารณาดำเนินการตรวจสอบและลงโทษเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมการเกษตรตามระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป พร้อมทั้งให้กรมส่งเสริมการเกษตรส่งมอบอาคารสิ่งก่อสร้างให้กระทรวงการคลังเพื่อที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตำบลแม่เหียะและองค์กรชุมชนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯจะได้ทำเรื่องขอใช้ประโยชน์เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริงต่อไป ตามที่ราษฎรได้ทูลเกล้าถวายฎีกาขอพระราชทานความเป็นธรรม

การส่งจดหมายโดยตรงถึง รมว.เกษตร ดังกล่าว ถือว่าเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะขอความเป็นธรรมของชาวบ้านที่ทำหนังสือฉบับล่าสุดลงวันที่ 11 เม.ย.2562 ส่งทางไปรษณีย์อีกครั้ง เพื่อให้เจ้ากระทรวงผู้มีอำนาจโดยตรงรับทราบข้อเท็ดจริงโดยละเอียด เพราะผู้ปฏิบัติในระดับจังหวัดอาจไม่รายงานข้อเท็จจริงของปัญหาที่ชาวบ้านแม่เหียะกับกรมส่งเสริมการเกษตรที่ใช้พื้นที่อยู่ไม่รายงานให้ทราบโดยละเอียด และในวันต่อไป ชาวบ้านจะส่งหนังสือดังกล่าวนี้ ส่งถึง รมว.มหาดไทย และนายอำเภอเมืองเชียงใหม่ต่อไป เพราะประเด็ดปัญหาคือนายอำเภอเมืองเชียงใหม่คนก่อนได้รายงานไปที่ศาลปกครองแล้วว่า อำเภอได้มีหนังสือให้กรมส่งเสริมการเกษตรออกจากพื้นที่ดังกล่าวแล้ว เป็นเหตุให้ศาลปกครองเชื่อในการรายงานผลการปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลปกครอง ศาลปกครองจึงได้มีคำสั่งสิ้นสุดการบังคับคดี แต่หลังจากนั้นทางนายอำเภอเมืองเชียงใหม่ไม่ได้ปฏิบัติตามที่ได้ทำหนังสือไปยังศาลปกครอง ชาวบ้านจึงสงสัยนายอำเภอเมืองคนใหม่ไม่ทราบเรื่อง จึงไม่ดำเนินการจนถึงปัจจุบันชาวบ้านจึงแจ้งไปกระทรวงมหาดไทย โดยทำหนังสือถึง รมว.มหาดไทย ต่อไป.

ร่วมแสดงความคิดเห็น