รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นเหนือ ให้กำลังใจลูกพรรค พร้อมขอแรงสนับสนุนจาก ปชช.ชาวเชียงใหม่ เตรียมเลือกตั้งซ่อม ในวันที่ 26 พ.ค.นี้

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 3 พ.ค.62 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางมาลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยได้เดินทางไปยังบริเวณวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร เพื่อเข้ากราบสักการะ พระพรหม มงคล (หลวงปู่ทอง สิริมงฺคโล) ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 7 เจ้าอาวาสวัดพระธาตุศรีจอมทอง วรวิหาร จากนั้นได้มีการทำพิธีกราบไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ เพื่อเป็นสิริมงคล และได้มีการขอพรอำนวยอวยชัยให้แก่ผู้สมัครในเขตให้ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง โดยหลังจากเสร็จสิ้นพิธีกราบไหว้สักการะเป็นที่เรียบร้อย ได้เดินทางไปพบปะประชาชนที่บริเวณตลาดจอมทอง เพื่อรับฟังปัญหาจากประชาชน พร้อมแนะนำตัวนางวสาววรณัน อ้นท้วม ผู้สมัคร ส.ส. เขต 8 ในนามพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีประชาชนให้การต้อนรับเป็นจำนวนมาก
จากนั้นคณะได้เดินทางไปที่บริเวณอำเภอดอยหล่อ เพื่อเยี่ยมเกษตรกรผู้ปลูกมะม่วงในพื้นที่ เพื่อพบปะพูดคุย เมื่อรับฟังปัญหาของเกษตรกร เพื่อจะได้มีการเตรียมนโยบายในการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน ไม่ให้เกิดความยากจน โดยได้มีการชูนโยบายประกันรายได้เกษตรกร การจ่ายเงินชดเชยหากราคาผลผลิตทางการเกษตรนั้นๆต่ำกว่าราคาประกัน เพื่อให้กลุ่มเกษตรกร ซึ่งถือเป็นฐานรากของประเทศมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
โดยทางด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ในวันนี้ได้เดินทางเพื่อ พบปะและพูดคุยกับประชาชน เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขต 8 พรรคประชาธิปัตย์ ในการหาเสียงเพื่อเตรียมเลือกตั้งซ่อม ในวันที่ 26 พฤษภาคมที่จะมาถึง โดยในส่วนของผู้สมัครก็ยังมีการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยแนวทางนั้นต้องขอความกรุณาพี่น้องประชาชนในเขต 8 ในการช่วยสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ และผู้สมัครที่เป็นคนรุ่นใหม่ แต่อย่างไรก็ตามในส่วนของการเลือกตั้งที่ผ่านมานั้นแม้ว่าจะไม่ได้คะแนนมากนักแต่ก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี และถือเป็นสัญญาณที่ดีที่มีพี่น้องประชาชนจำนวนไม่น้อยได้ให้การสนับสนุน และเป็นพื้นฐานในอนาคตต่อไป เนื่องจากการเลือกตั้งนั้นยังไม่จบเฉพาะครั้งนี้ และยังจะมีการเลือกตั้งในอนาคตครั้งต่อๆ ไป และทางพรรคประชาธิปัตย์ ก้ได้ให้ความสำคัญกับพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ไม่ว่าเขตไหนก็ตาม ทั้งนี้ก็ขึ้นอยุ่กับการตัดสินใจของพี่น้องประชาชน
การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ยังคงมีความคาดหวัง และต้องสู้กับตัวเองเป็นหลัก ครั้งที่แล้วได้คะแนนเท่าไหร่ ครั้งนี้ก็ต้องสู้กับตัวเอง และต้องพยายามทำคะแนนให้ได้มากกว่าคะแนนเดิม โดยตนมองว่าการดำเนินการปรับโครงสร้างกรรมการชุดใหม่ และการบริหารพรรคนั้นก็ต้องเป็นไปตามข้อบังคบ โดยมีกรรมการบริหารพรรคทั้งหมด 41 ท่าน ด้วยกัน ที่ประกอบด้วย หัวหน้าพรรค , รองหัวหน้าพรรคทั้ง 13 คน , รายภาคจำนวน 5 คน โดยเแบ่งเป็นภาคละ 1 คน และที่เหลืออีก 8 คน ก็เป็นรองหัวหน้าพรรคที่แล้วแต่ตามภารกิจ ที่หัวหน้าพรรคคนใหม่จะเป็นผู้มอบหมาย นอกจากนั้นก็จะมีเลขาธิการพรรค , รองเลขาธิการพรรค และที่ทางกฎหมายบังคับให้ต้องมีโฆษกพรรค นายทะเบียนพรรค เหรัญญิกพรรค และที่เหลือก็สุดแล้วแต่ดุลพินิจของคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ว่าจะมอบหมายภารกิจอะไร และที่เหลือก็จะเป็นกรรมการบริหารพรรคในส่วนที่ยังไม่ครบ 41 คน ก็จะมีการเลือกให้ครบตามจำนวนที่ข้องบังคับพรรคกำหนดไว้
รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า สำหรับเลขาธิการพรรคในส่วนของตนนั้น ก็เป็น ท่านเฉลิมชัย ศรีอ่อน ซึ่งเป็นอดีต สส. จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และเป็นอดีตเลขาธิการพรรคที่เคยดำรงตำแหน่งนี้มาแล้วดังนั้นจึงถือว่าเป็นบุคลากรที่มีศักยภาพคนหนึ่งของพรรคและมีประสบการณ์ รวมถึงมีความสามารถในการทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี และตนมั่นใจว่าจะสามารถทำงานร่วมกันกับสมาชิกพรรคคนอื่นๆ และสามารถประสานงานกับสมาชิกในทุกภาคได้เป็นอย่างดี ซึ่งมั่นใจด้วยว่าหากหากมีโอกาสมาร่วมงานกันก็สามารถที่จะนำพรรคไปสู่การพัฒนาที่มีความก้าวหน้า ไปสุ่ความนิยมของพี่น้องประชาชนได้อย่างดีในอนาคต โดยจะมีการเสนอชื่อในที่ประชุมใหญ่วันที่ 15 พ.ค.62 ที่จะถึงนี้
อย่างไรก็ตามในส่วนของประเด็นที่ว่ามีกระแสรายชื่อของผู้สมัคร สส. ที่มีความเกี่ยวข้องและถือครองหุ้นเกี่ยวกับสื่อที่ของทาง พรรคประชาธิปัตย์ ตรวจพบ 2-3 ราย นั้น ทางตนไม่ทราบว่าข้อเท็จจริงของประเด็นที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง และไม่ว่าจะเป็นพรรคไหน ก็ต้องเป็นไปตามนั้น และเมื่อมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วทาง กกต. ก็จะเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจเบื้องต้นว่ามีความเป็นอย่างไร และหากทาง กกต.เห็นว่านำไปสู่การมีปัญหาในเรื่องของคุณสมบัติก็จะเป็นหน้าที่ของศาล ที่จะเป็นผู้พิจารณาต่อไป ซึ่งต้องปล่อยให้เป็นไปตามนั้นและตนก็ยังไม่ทราบว่าที่มีการเอ่ยถึงนั้นเป็นข้อเท็จจริงมากน้อยเพียงใด โดยเมื่อถึงเวลาทาง กกต.ก็จะเป็นผู้พิจารณาและคงจะเปิดโอกาสให้ผู้ที่ถูกพาดพิงถึงไปให้ข้อมูลชี้แจงต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น