กรมพลศึกษา เตรียมดึงเอากีฬานักเรียนนักศึกษา มาจัดในเมืองกรุงปี 64 ต่ออุดรธานี

กรมพลศึกษาสร้างแรงบันดาลใจจัดกีฬานร.ในเมืองกรุงปี64 กรมพลศึกษา เตรียมจัดมหกรรมกีฬานักเรียน นักศึกษาแห่งชาติ ครั้งที่ 42 ในปี 2564 ที่ “เมืองกรุง” กทม. รับไม้ต่อจาก จ.อุดรธานี “ดร.สันติ ป่าหวาย” อธิบดีกรมพลศึกษาคนที่ 29 เผย เป็นมิติใหม่ที่ต้องร่วมมือกับ กทม. และมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ชี้ มาตรฐานของสนามศุภชลาศัย และสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติฯ คลอง 6 จะเป็นแรงบันดาลใจให้นักกีฬาเยาวชนไต่เต้าใฝ่ฝันไปถึงระดับนานาชาติ และเล่นกีฬาอาชีพต่อไป
ดร.สันติ ป่าหวาย อธิบดีกรมพลศึกษา เปิดเผยว่า หลังจากที่ตนเองมารับตำแหน่งอธิบดีกรมพลศึกษาคนใหม่ ซึ่งเป็นอธิบดีกรมพลศึกษาคนที่ 29 ต่อจาก ดร.ปัญญา หาญลำยวง อธิบดีกรมพลศึกษาคนเก่า ซึ่งขณะนี้ไปรับตำแหน่งเป็นปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งตนวางนโยบายส่งเสริมกีฬานักเรียนเป็นกีฬาพื้นฐานเพื่อการพัฒนา เพราะนักกีฬาทีมชาติล้วนเติบโตมาจากการแข่งขันกีฬานักเรียน อย่างไรก็ดี หลังจากนี้จะเริ่มทยอยจัดแมตช์ต่าง ๆ เอาลงไปสู่ภูมิภาค รวมทั้งส่วนกลางด้วย โดยตนได้ให้นโยบายกับผู้บริหารกรมพลศึกษา จะนำกีฬาเฉพาะบางชนิดกีฬากระจายออกไปจัดการแข่งขันตามภูมิภาคต่าง ๆ เพราะต่อไปอาจไม่จัดการแข่งขันเฉพาะใน กทม. เพียงอย่างเดียว  ดร.สันติ ป่าหวาย อธิบดีกรมพลศึกษาคนที่ 29 เผยนโยบายส่งเสริมกีฬา
อธิบดีกรมพลศึกษา กล่าวต่อว่า ในส่วนของการแข่งขันกีฬานักเรียน นักศึกษาแห่งชาติ ถือเป็นเกมอีกเกมหนึ่งที่กรมพลศึกษาจัดให้มีการแข่งขันมาตลอดทุกปี ซึ่งในปีหน้า 2563 จะเป็นครั้งที่ 41 จ.อุดรธานี จะเป็นเจ้าภาพ และตนให้นโยบายว่าในปี 2564 จะเอามหกรรมกีฬาดังกล่าวมาจัดการแข่งขันที่ “เมืองกรุง” กทม. เพราะทุกครั้งที่ผ่านมา ได้มีการไปจัดตามต่างจังหวัด แต่ต้องไม่ลืมว่าเด็กนักเรียน ซึ่งเป็นเยาวชนนักกีฬาที่อยู่ต่างจังหวัดนั้น ก็อยากมาเหยียบสนามศุภชลาศัย อยากมาสัมผัสสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติฯ คลอง 6 อยากเข้ามาแข่งขันใน กทม.
อย่างไรก็ดี จะเป็นมิติใหม่ว่ากรมพลศึกษาต้องร่วมมือกับ กทม. ร่วมกับ มหาวิทยาลัยต่าง ๆ จัดกีฬาร่วมกัน เพื่อให้เด็กนักเรียนนักกีฬาเยาวชนจะได้มีแรงบันดาลใจที่จะเป็นนักกีฬา เพราะถ้าเยาวชนได้ลงแข่งขันแต่สนามตามท้องที่ในต่างจังหวัด หรือตามสนามภูมิภาคนั้น ตนเองมองว่าก็เป็นไปได้ตามความที่เป็นสภาพที่เขามีอยู่ แต่ถ้ากรมพลศึกษาดึงการแข่งขันกีฬานักเรียนฯ มาชิงชัยในสนามที่ กทม. ซึ่งเป็นสนามระดับสากล เป็นสนามที่แข่งขันระดับนานาชาติ นั่นจะเป็นแรงบันดาลใจให้เยาวชนอยากเล่นกีฬามากขึ้น รวมถึงอยากไต่เต้าใฝ่ฝันไปถึงระดับนานาชาติ และการเล่นกีฬาระดับอาชีพต่อไป
“หน้าที่ของกรมพลศึกษาคือ ต้องทำหน้าที่ส่งเสริมในการออกกำลังกาย ซึ่งเป็นนโยบายหลัก ดังนั้น กีฬาต้องส่งเสริมทางด้านนันทนาการ และกีฬาต้องส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว ทั้งหมดจะเป็นมิติใหม่ของกรมพลศึกษา และนักกีฬาที่มาแข่งขันกีฬาแล้วต้องมีความสุข” ดร.สันติ กล่าวทิ้งท้าย

ร่วมแสดงความคิดเห็น