กกท.อนุมัติงบประมาณ ปรับสนามแข่ง 4 สนาม ศึกเอเอฟซี ยู 23 ในปีหน้า

ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย เผย กกท. อนุมัติงบประมาณให้ ส.บอล ไปเดินเครื่องปรับ 4 สนาม ใช้จัด เอเอฟซี ยู-23 แชมเปี้ยนชิพ 2020 รอบสุดท้าย แล้ว หากไม่ผ่านมีสำรองไว้ 2 แห่ง คือ ช้าง อารีนา จ.บุรีรัมย์ กับ ลีโอ สเตเดี้ยม ของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด โดยจะต้องส่งเรื่องการปรับปรุงให้กับ เอเอฟซี ตั้งแต่บัดนี้จนกว่าจะมาตรวจอีกครั้งเดือน ต.ค.นี้

หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ทาง เอเอฟซี ซึ่งเดินทางมาตรวจสนาม ที่จะใช้แข่งขันในศึกฟุตบอล ”เอเอฟซี ยู-23 แชมเปี้ยนชิพ 2020” รอบสุดท้าย ที่ประเทศไทย รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพสื่อ ระหว่างวันที่ 8-26 ม.ค. 63 เพื่อคัด 3 ทีมเข้าไปแข่งขันมหกรรมกีฬาโอลิมปิกส์ 2020 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

ปรากฏว่า ยังไม่มีที่ใดผ่านการรับรอง ซึ่ง เอเอฟซี จะตรวจอีกครั้งในช่วงปลายเดือน ต.ค.นี้ หากไม่มีสนามใดในประเทศไทยมีความพร้อมจัดการแข่งขัน สิทธิ์การเป็นเจ้าภาพจะถูกริบคืนและมอบให้กับประเทศที่พร้อมแทน เนื่องจากรายการนี้เป็นการแข่งขันระดับขั้น 1 มี 16 ยอดทีมจากเอเชียเข้ามาร่วมเล่น และมีโควตาไปโอลิมปิกเกมส์ที่โตเกียว 2020

ล่าสุด “บิ๊กแชมป์”กรวีร์ ปริศนานันทฺกุล เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้เผยว่า “เราได้กำกหนด 4 สนามที่จะใช้จัดการแข่งขันออกมาแล้ว คือ ราชมังคลากีฬาสถาน, ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต, สมโภช 700 ปี จ.เชียงใหม่ และสนาม ติณสูลานนท์ จ.สงขลา” ทุกสนามจะมีการปรับปรุงซ่อมแซมจากงบ ของ กกท.

“ทั้ง 4 สนามนี้ เดือน พ.ค.นี้ ต้องรู้ว่าสามารถปรับปรุงได้เสร็จทันหรือไม่ จากนั้น เดือนต.ค. เอเอฟซี จะเดินทางมาตรวจอีกครั้ง ถ้าไม่เสร็จหรือไม่ได้จริงๆ เราเตรียมพร้อมไว้ก็คือ มีอีก 2 สนามสำรอง ประกอบด้วย ช้าง อารีนา จ.บุรีรัมย์ กับ ลีโอ สเตเดี้ยม ของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด”

“แต่ปัญหาคือ เอเอฟซี ต้องการมี 4 ห้องแต่งตัว ซึ่งในเมืองไทยนั้น ยังไม่มีที่ไหนเลยนอกจากสนาม ราชมังคลากีฬาสถาน กับ ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต เพราะรายการนี้ในวันๆหนึ่ง อาจจะเตะ 2 คู่ด้วยกัน รวมทั้งยังกำหนดว่าต้องทาสีทุกอย่างต้องใหม่หมด และจะมีการตรวจสอบเป็นระยะๆ ตั้งแต่ พ.ค. เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม กกท. ได้อนุมัติงบประมาณให้ ส.บอล ได้ไปปรับปรุงทั้ง 4 สนามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”

ร่วมแสดงความคิดเห็น