“นายพรานผัวหมา” ตำนานหมาขนคำที่ผาสามเส้า

สถานที่ต่างๆ ที่มีเอกลักษณ์ในปัจจุบันนั้น ล้วนมีตำนานพื้นบ้านที่ได้เล่าขานกันมาและเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ฟังรู้สึกสนุกเพลินเพลินทุกครั้งที่ได้ยินไม่ว่าผู้ฟังจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม

และในวันนี้ “เชียงใหม่นิวส์” จะมาเล่า ตำนานพื้นบ้านเรื่องหนึ่งของจังหวัดลำปางให้ฟัง ซึ่งเป็นที่มาของสถานที่ที่เรียกว่า “ผาสามเส้า” หรือ “รอยตีนหมาขนคำ” และ “โทกหัวช้าง” มาให้ได้อ่านกันดังต่อไปนี้

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีนายพรานคนหนึ่งได้เลี้ยงหมาตัวเมียไว้หนึ่งตัว แต่ทว่าวันหนึ่ง “แม่หมา” เกิดตั้งท้องขึ้นมา นายพรานเกรงจะถูกชาวบ้านครหาว่ามีเมียเป็นหมา เนื่องจากในย่านนั้นไม่มีหมาตัวผู้อยู่เลย จึงคิดจะกำจัดหมาตัวนี้ทิ้ง โดยการปลดบันไดบ้านเก็บไว้บนบ้านโดยทิ้งแม่หมาไว้ข้างล่าง เพื่อที่จะให้สัตว์ร้ายมาคาบแม่หมาเอาไปกินเพื่อปลิดชีพหมาตัวนี้เสียเพราะบ้านของนายพรานอยู่ในย่านบ้านเหล่าปลดริมป่า

รูปปั้น “หมาขนคำ”, “นางเจตะกา” และ “นางบัวตอง

เมื่อแม่หมาไหวตัวทันก็จึงได้วิ่งหนีไปถึง “ดอยผาสามเส้า” ริมดอยวัดม่วงคำ (เขตอำเภอแม่ทะ) แล้วออกลูกแฝดเป็นคนจริงๆ ซึ่งเป็นเด็กสาวน่ารักสองคน มีชื่อว่า “เจตะกา” เป็นแฝดผู้พี่ และ “บัวตอง” แฝดผู้น้อง เมื่อลูกสาวฝาแฝดโตเป็นสาวสะพรั่ง กิตติศัพท์ความงามของหญิงสาวทั้งสองกระฉ่อนไปถึงหู “พระยาเจ้าเมือง” จึงปรารถนาจะได้ทั้งคู่ไปเป็นมเหสี จึงส่งขบวนวอทองไปรับสองธิดาแฝดที่ดอยผาสามเส้า ในขณะที่แม่หมาไม่อยู่พอดี บัวตองผู้น้องแสดงความเสียใจร้องไห้คร่ำครวญถึงแม่ แต่กลับกันแฝดผู้พี่มีกริยาท่าทีดีใจที่จะได้เข้าไปอยู่ในวัง จากนั้นพระยาเจ้าเมืองได้สร้างปราสาทสองหลังยกให้นางเจตะกา และนางบัวตองอยู่คนละหลัง

เมื่อหมาผู้เป็นแม่ของทั้งสองกลับมาถึงผาสามเส้าก็พบว่าลูกสาวหายไป จึงเห่าหอน และตะกุยหน้าผาจนเป็นรอยคล้ายเล็บเท้าฝังในเนื้อหินผา จนเป็นทีมาของผาที่ชาวบ้านเรียกว่า “รอยตีนหมาขนคำร้องไห้หาลูกสาว” มาจนถึงทุกวันนี้

“ดอยผาสามเส้า” อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง

เมื่อ “พระอินทร์” ได้ทราบเรื่องก็เกิดความเวทนาหมาตัวนี้ จึงเนรมิตให้แม่หมาพูดได้ จากนั้นแม่หมาจึงเดินทางติดตามหาลูกสาวถึงในเมือง แม่หมาได้ถามไถ่ชาวบ้านมาเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงปราสาทของลูกสาวคนโต ทหารได้ซักถามแม่หมาว่ารู้จัก และเกี่ยวข้องกับนางเจตะกาอย่างไร แม่หมาก็โกหกว่า นางเจตะกาลูกสาวของตนเคยเป็นนายเก่ามาก่อน ครั้นเมื่อทหารนำความมาแจ้งแก่นางเจตะกา แต่แม่นางเกิดความละอายใจที่มีแม่เป็นหมา จึงสั่งให้ทหารทำร้ายแม่หมาจนได้รับบาดเจ็บวิ่งหนีไป

แม่หมาได้รับบาดเจ็บก็วิ่งมาถึงปราสาทนางบัวตอง นางบัวตองรีบวิ่งมารับแม่เข้าไปในปราสาทเพื่อดูแลให้ข้าวให้น้ำแก่แม่หมา นางบัวตองได้ทูลขอหีบขนาดใหญ่จากสวามี โดยบอกว่าจะเอาไปขนสมบัติที่ผาสามเส้าภายในกำหนดเวลาเจ็ดวัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว นางบัวตองได้นำหีบไว้เป็นที่ซ่อนของแม่ในวัง ทว่าแม่หมาก็สิ้นใจตายหลังจากนั้น7วันเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว พระอินทร์ได้เนรมิตร่างแม่หมาให้กลายเป็นแก้วแหวนเงินทอง เมื่อพระยาเจ้าเมืองพบว่ามีแก้วแหวนเงินทองเต็มหีบ พระองค์ก็โปรดปรานนางบัวตองเป็นอันมาก พระองค์ก็ให้นางบัวตองไปขนสมบัติที่ผาสามเส้าอีกครั้งหนึ่ง นางบัวตองได้ตรอมใจที่แม่ของตนเสียชีวิต จึงคิดจะกระโดดหน้าผาเพื่อปลิดชีวิตตนเอง ทว่าด้านล่างของหน้าผาเป็นที่อยู่ของ “ยักษ์”ตนหนึ่ง ซึ่งทรมานจากการป่วยเป็นฝีกลัดหนองอยู่พอดี นางบัวตองกระโดดลงไปกระทบกับแผลของยักษ์ทำให้ฝีแตกจนหายปวดเป็นปลิดทิ้งด้วยความบังเอิญ ยักษ์จึงมอบทรัพย์สมบัติให้นางบัวตอง จากนั้นจึงนำสมบัติกลับวัง

เมื่อทราบข่าวว่านางบัวตองไปขนสมบัติที่ผาสามเส้า “นางเจตะกา” ก็เกิดความริษยาและกิเลศขึ้นในใจ จึงขอพระยาเจ้าเมืองไปขนสมบัติที่ผาสามเส้า เมื่อไปถึงผาสามเส้านางเจตะกาก็กระโดดหน้าผาตามที่นางบัวตองแนะนำ ด้วยความที่นางเจตะกามีบาปหนาฆ่าแม่ของตัวเอง ยักษ์จึงจับนางเจตะกากินเป็นอาหาร แล้วยักษ์ก็ไล่กินขบวนช้างม้าตายเกลื่อนเป็นจำนวนมาก สถานที่แห่งนี้จึงเรียกว่า “โทกหัวช้าง” ที่อยู่ในเขตอำเภอเมืองลำปางในปัจจุบัน

เรียบเรียงโดย : “เชียงใหม่นิวส์”
ข้อมูลจาก : lampang108.com
ภาพจาก : www.huglanna.com

บทความที่เกี่ยวข้อง

ร่วมแสดงความคิดเห็น