179

ส.อ.ท.จี้รัฐบาลใหม่ เร่งแก้ปัญหาสินค้าจีนเกลื่อนตลาด

นอกจากภาวะการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองที่ส่งผลให้กำลังซื้อหดตัวแล้ว อีกประเด็นใหญ่ ที่ทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจโดยเฉพาะอุตสาหกรรม ต้องการให้เร่งแก้ไขโดยเร็ว คือปัญหาสินค้าจีนที่เข้ามาตีตลาดอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา โดยนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) ได้เปิดเผยว่า ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานกลุ่มอุตสาหกรรม ส.อ.ท. ทั้ง 45 กลุ่ม ได้หารือร่วมกันถึงสถานการณ์การผลิตของภาคอุตสาหกรรมไทย และภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง 2566 โดยประธานกลุ่มอุตสาหกรรมทั้ง 45 กลุ่ม ต่างต้องการให้มีการจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็วภายในเดือนสิงหาคม – กันยายนนี้ เพื่อออกนโยบายบริหารประเทศและกระตุ้นเศรษฐกิจรวมถึงเร่งรัดเขตการค้าเสรีกับประเทศต่างๆโดยเร็ว นอกจากนี้ ปัญหาสำคัญที่กำลังกระทบกับ 20 กลุ่มอุตสาหกรรมอย่างรุนแรง คือปัญหาสินค้าจีนล้นทะลักเข้ามาในตลาดไทย โดยมีสาเหตุมาจากการค้าโลกที่ชะลอตัว ส่งผลให้ออเดอร์สินค้าจีนลดลง ผู้ประกอบการจีนจึงหาตลาดรองรับ รวมถึงในประเทศ ซึ่งยิ่งซ้ำเติมผู้ประกอบการไทยมากขึ้น เนื่องจากสินค้าจีนมีราคาถูก ปริมาณเยอะ และหลากหลาย ทำให้สินค้าไทยถูกแย่งส่วนแบ่งทางการตลาด ซึ่งจากเดิม กลุ่มอุตสาหกรรมไทยได้รับผลกระทบ 5-6 กลุ่ม เช่นอุตสาหกรรมเหล็ก เมื่อสินค้าจีนเข้ามาในตลาดมากขึ้น ทำให้มีกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับความเดือดร้อน เพิ่มเป็น 20 กลุ่ม อาทิ อุตสาหกรรมยา อุตสาหกรรมอะลูมิเนียม อุตสาหกรรมปิโตรเคมี อุตสาหกรรมเม็ดพลาสติก อุตสาหกรรมเซรามิก […]

เบี้ยผู้สูงอายุ บนความป่วยไข้ของสวัสดิการไทย ที่ต้องพิสูจน์ความจน

หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ภาครัฐได้ดำเนินนโยบายจ่ายเงินเบี้ยผู้สูงอายุมาโดยตลอด เป็นจำนวนเงิน 600 – 1,000 บาทต่อเดือน ภายใต้เงื่อนไขต้องไม่รับสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์อื่นใด แต่นับตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา ผู้สูงอายุนับล้านคน อาจจะไม่ได้รับเงินผู้สูงอายุอีก เมื่อมีการเพิ่มเงื่อนไขพิสูจน์ความจนเข้ามา!! เมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา เว็ปไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2566 ซึ่งได้มีการปรับเปลี่ยนเกณฑ์ใหม่ ตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา ด้วยเงื่อนไขเพิ่มเติมว่า ผู้สูงอายุที่จะได้รับเบี้ยยังชีพจะต้องเป็นผู้ไม่มีรายได้หรือมีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ ตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ตามกฎหมายว่าด้วยผู้สูงอายุกำหนด  รวมทั้งมีบทเฉพาะกาล ข้อ 17 ระบุว่าบรรดาผู้สูงอายุที่ได้ขึ้นทะเบียนและรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อยู่ก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ ให้ยังมีสิทธิรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นต่อไป ส่งผลให้หลังจากที่มีการเผยแพร่ะระเบียบดังกล่าว เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางบนโลกออนไลน์  โดยล่าสุด นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อความบนเว็ปไซต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “เรื่องใหญ่ ลักไก่เปลี่ยนหลักเกณฑ์จ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ จากเดิมจ่ายแบบถ้วนหน้า ตั้งแต่ 12 สิงหา ต้องมาพิสูจน์ความจน” โดยนายวิโรจน์ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้สูงอายุ (60+ ปี) อยู่ 11 […]

ข้าวไทยมาแรง หลังราคาข้าวโลกดันพุ่งทะยานในรอบ 12 ปี

ถือเป็นข่าวที่น่าจับตา เมื่อดัชนีราคาข้าวทั่วโลกพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 12 ปี โดยเฉพาะดัชนีราคาข้าวในประเทศไทยที่พุ่งขึ้นแรงสุด มีปัจจัยใดบ้างที่ส่งผลให้ราคาข้าวเพิ่มสูงขึ้น และภาครัฐของไทยได้มีการวางแผนรับมือสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นแล้วหรือไม่ ? เมื่อวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ได้รายงานว่า ดัชนีราคาข้าวทั่วโลกในเดือนกรกฎาคมพุ่งขึ้น ร้อยละ 2.8 มาอยู่ระดับที่ 129.7 จุด ซึ่งปรับขึ้นจากปีที่แล้วอยู่ที่ร้อยละ 19.7 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. 2554 นอกจากนี้ FAO ยังเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า ราคาข้าวที่พุ่งขึ้นรุนแรงสุดนั้น มาจากประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับ 2 ของโลก โดยในช่วงสองสัปดาห์นี้ ราคาเฉลี่ยเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ข้าว 100% เกรด B (ข้าวขาว 100% ชั้น 2 ) ของไทย อยู่ที่ 562 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ปรับขึ้นจากเดิม 38 เหรียญสหรัฐฯ ถือเป็นราคาข้าวสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 […]

2 ทศวรรษ OTOP ยกระดับสินค้าชุมชนเชียงใหม่ ทะลุหมื่นล้าน

เป็นระยะเวลากว่า 2 ทศวรรษแล้ว ที่โครงการ “หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์” หรือ OTOP ยกระดับสินค้าชุมชนไทย พร้อมสร้างรายได้กลับคืนสู่ท้องถิ่นอย่างมหาศาล ซึ่งวันนี้ เราจะย้อนดูจุดกำเนิดของโครงการสำคัญที่ช่วยพัฒนาชุมชน พร้อมภาพรวมสินค้า OTOP เชียงใหม่ในปัจจุบัน ว่าเป็นอย่างไรบ้างOTOP หรือ โครงการหนึ่งตำบล  หนึ่งผลิตภัณฑ์ เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 มีระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการอำนวยการหนึ่งตำบล  หนึ่งผลิตภัณฑ์แห่งชาติ  ประกาศ ณ วันที่ 7 กันยายน 2544  ให้มีคณะกรรมการอำนวยการหนึ่งตำบล  หนึ่งผลิตภัณฑ์แห่งชาติ  หรือเรียกโดยย่อว่า  “กอ.นตผ.”  และกำหนดให้  กอ.นตผ.  มีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดนโยบายยุทธศาสตร์  และแผนแม่บทการดำเนินงาน  “หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์”   โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญ คือ สร้างงานและเพิ่มรายได้ให้แก่ชุมชน เสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนให้สามารถคิดเอง ทำเองในการพัฒนาท้องถิ่น ส่งเสริมการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น ส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ส่งเสริมความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ของชุมชนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์  โดยสอดคล้องกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมในท้องถิ่นโดย OTOP มีจุดเริ่มต้นจากโครงการ OVOP (One Village, One Product หรือหนึ่งชุมชนหนึ่งผลิต […]

แบงก์ชาติชี้จุดอ่อน ที่ต้องแก้ไขด่วน หลังเศรษฐกิจภาคเหนือโตช้าลง

สถานการณ์เศรษฐกิจภาคเหนือในปัจจุบัน ยังคงเป็นที่น่ากังวลจากหลายฝ่าย เนื่องจากอัตราการขยายตัวที่เริ่มช้าลงจากในอดีต โดยมีสาเหตุมาจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆที่จะฉุดรั้งการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ซึ่งหากไม่ได้รับการแก้ไข อาจส่งผลให้ภาคเหนือสูญเสียศักยภาพในการแข่งขันระหว่างภูมิภาคได้ ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย แสดงปาฐกถาพิเศษในช่วงสนทนากับผู้ว่าการ เรื่อง “ก้าวต่อไปของเศรษฐกิจการเงินไทย” ในงานสัมมนาทางวิชาการ ประจำปี 2566 “ยกระดับเศรษฐกิจเหนือ คว้าโอกาสบนโลกแห่งความท้าทาย” ณ อาคารอเนกประสงค์ ธปท. สภน. จ.เชียงใหม่ เมื่อวันพุธที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา โดย ดร.เศรษฐพุฒิ ได้พูดถึงปัจจัยลบที่ส่งผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในภาคเหนือ ซึ่งในปัจจุบัน มีการขยายตัวในรอบ 10 ปีย้อนหลัง เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 1 ซึ่งน้อยกว่า 20 ปีที่แล้ว ที่มีการขยายตัวร้อยละ 4 ขณะเดียวกัน พื้นที่ภาคเหนือมีการขยายตัวของชุมชนเมือง น้อยกว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แถมยังกระจุกตัวอยู่เฉพาะจังหวัดใหญ่ๆ อาทิ เชียงใหม่ เชียงราย เป็นต้น ซึ่งจากการสำรวจข้อมูลโดย ธปท. พบว่า ปัญหาเชิงโครงสร้าง มีส่วนสำคัญที่ทำให้การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจภาคเหนือลดลงจากในอดีต เช่น ปัญหาสังคมผู้สูงอายุ  โดยภาคเหนือเป็นภูมิภาคที่มีสัดส่วนประชากรสูงวัยสูงที่สุดในประเทศ […]

ผู้ว่าฯธปท. ร่วมงานสัมนาวิชาการ ประจำปีที่เชียงใหม่

ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ (ธปท.สภน.) ได้จัดงานสัมมนาทางวิชาการ ประจำปี 25 66 “ยกระดับเศรษฐกิจเหนือ คว้าโอกาสบนโลกแห่งความท้าทาย” วันพุธที่ 9 สิงหาคม 2566 เวลา  08.30-12.00 น. ณ อาคารอเนกประสงค์ ธปท. สภน. จ.เชียงใหม่ เพื่อให้ภาคธุรกิจและประชาชนในภาคเหนือ ได้รับทราบทิศทางเศรษฐกิจการเงินนโยบาย ธปท. รวมถึงประมาณการเศรษฐกิจภาคเหนือในอีก 2 ปีข้างหน้า เพื่อการวางแผนของภาคธุรกิจและครัวเรือน ตลอดจนรับฟังมุมมองเกี่ยวกับการสร้างความยั่งยืนและแนวทางการปรับตัว เพื่อยกระดับเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนาทั้งภาคธุรกิจ การเงิน การศึกษา ภาคราชการ และประชาชนทั่วไป ผ่านช่องทาง online และมาอยู่ที่ onsite โดยงานสัมมนาแบ่งเป็น 3 ช่วง ในช่วงแรก ในงานได้รับเกียรติจาก ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย แสดงปาฐกถาพิเศษในช่วงสนทนากับผู้ว่าการ เรื่อง “ก้าวต่อไปของเศรษฐกิจการเงินไทย” ฉายภาพเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง จากการประเมินไว้เมื่อเดือน มิ.ย. 66 คาดว่าอัตราการขยายตัวปี 66 อยู่ที่ 3.6% และปี 67 ที่ 3.8% ตามแรงส่งจากการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวดี และภาคท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง ขณะที่การส่งออกได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ต่างประเทศที่ชะลอลง ส่วนหนึ่งตามเศรษฐกิจจีน และวัฏจักรอิเล็กทรอนิกส์โลกที่ฟื้นตัวช้า รวมทั้งรายรับภาคการท่องเที่ยวปรับลดลงจากค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวที่ลดลงแม้จำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามามากกว่าที่คาดไว้ แต่โดยรวมไม่ได้กระทบแรงส่งของเศรษฐกิจในระยะต่อไปที่จะอยู่ในทิศทางฟื้นตัวต่อเนื่อง แม้การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน อาจส่งผลต่อจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่มาไทยบ้าง แต่การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวสัญชาติอื่นช่วยชดเชยในส่วนนี้ได้  ส่วนการส่งออกที่หดตัวในระยะสั้น คาดว่าจะทยอยปรับดีขึ้นตามแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก  สำหรับเศรษฐกิจภาคเหนือทยอยฟื้นตัวเช่นกันแต่ช้ากว่าประเทศ เนื่องจากเศรษฐกิจภาคเหนือถูกขับเคลื่อนด้วยภาคเกษตรค่อนข้างมาก และมีสัดส่วนแรงงานในภาคเกษตรสูงอีก ทั้งยังเป็นแรงงานสูงอายุ ภาคการผลิตยังมีบทบาทน้อยเมื่อเทียบกับประเทศ รวมทั้งในครึ่งหลังของปีนี้ ต่อเนื่องไปปีหน้า จะมีความท้าทายจากผลกระทบของภาวะภัยแล้ง สำหรับนโยบายสำหรับนโยบายการเงิน ล่าสุดที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย กนง. ได้ประเมินว่าเป็นจุดที่ถือว่าเข้าใกล้จุดสมดุล (neutral) มากขึ้นแล้ว เพราะภาพรวมเศรษฐกิจไทยขณะนี้กำลังฟื้นเข้าสู่ระดับศักยภาพ ในเรื่องของปัญหาหนี้ครัวเรือน กนง. เป็นห่วงมาโดยตลอด จึงดำเนินนโยบายแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยมุ่งเน้นดูแลเศรษฐกิจโดยรวมให้อยู่ในแนวโน้ม ที่สอดคล้องกับเป้าหมายเงินเฟ้อ และเป้าหมายเศรษฐกิจในระยะปานกลาง แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นจะกระทบต่อหนี้ครัวเรือน แต่ไม่ใช่ทั้งหมด หนี้ครัวเรือนในภาคเหนือ 43% เป็นอัตราดอกเบี้ยแบบ fixed […]

ส่องกฎหมาย DPS ก้าวแรกของการสร้างความปลอดภัยให้ธุรกิจออนไลน์

ในยุคที่ทุกอย่างเชื่อมต่อเข้าสู่โลกออนไลน์หมด ไม่เว้นแม้แต่การทำธุรกิจซื้อขายและบริการต่างๆ แต่ในขณะเดียวกันทั้งผู้ซื้อและผู้ขายหรือผู้ให้บริการบนระบบออนไลน์ ต้องเผชิญกับอาชญากรรมไซเบอร์ในรูปแบบต่างๆ ซึ่งส่งผลร้ายต่อผู้ใช้ได้ ในปี พ.ศ. 2566 นี้ กำลังจะมีกฎหมายสำคัญ ที่ได้รับการผลักดันโดย สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์หรือ ETDA จาก กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค และดูแลแพลตฟอร์มดิจิทัลให้ปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งกฎหมายดังกล่าวคือ พ.ร.ฎ. การประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ต้องแจ้งให้ทราบ พ.ศ. 2565 หรือ กฎหมาย DPS ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ภายในวันที่ 21 สิงหาคม ที่จะถึงนี้ กฎหมาย DPS ฉบับนี้ กำหนดให้ ผู้ให้บริการหรือ ผู้ประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล มีหน้าที่ในการมาจดแจ้งข้อมูลกับ ETDA ว่าเป็นใคร ให้บริการอะไรและกำลังจะให้บริการอะไร และมีจำนวนผู้ใช้บริการอยู่เท่าไหร่ ซึ่งกฎหมายนี้ เป็นกฎหมายที่กำกับดูแลผู้ให้บริการหรือผู้ประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลเท่านั้น ฉะนั้นบุคคลที่เป็นผู้ซื้อ หรือผู้ขายภายใต้แพลตฟอร์มดิจิทัลต่างๆ ไม่ต้องมาจดแจ้งข้อมูลกับ ETDA โดยข้อมูลที่ได้มาจะช่วยให้ภาครัฐสามารถแก้ปัญหาทั้งในเรื่องความโปร่งใสของแพลตฟอร์ดิจิทัลต่างๆ และยังได้มีการกำหนดทิศทาง วิธีการให้บริการและการดูแลควบคุมตัวเองที่เหมาะสมและมีมาตรฐานแล้ว มีการกำหนดวิธีการลงทะเบียนผู้ใช้บริการด้วยการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล เพื่อจัดการคอนเทนต์ที่ไม่เหมาะสม การจัดการกับปัญหาการฉ้อโกงต่างๆ หรือ สแกมเมอร์ (Scammer) ที่สามารถระบุผู้กระทำได้ เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น  ขณะเดียวกันยังสามารถช่วยส่งเสริมให้บริการแพลตฟอร์มมีความน่าเชื่อถืออีกด้วย นอกจากนี้ เมื่อกฎหมายดังกล่าวบังคับใช้ จะมีการตั้งคณะกรรมการร่วม ที่หน่วยงานภาครัฐต่างๆ เกือบ 20 หน่วยงาน จะต้องเข้ามาทำงานร่วมกันเชื่อมโยงข้อมูลและระบบในการดูแลผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลร่วมกันอย่างบูรณาการ เพื่อให้ดำเนินงานในการกำกับดูแล ไม่เกิดการทับซ้อนระหว่างกัน และอำนวยความสะดวกให้กับผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยผู้ที่จะได้ประโยชน์จากกฎหมายดังกล่าว ได้แก่ ร้านค้าบนแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างๆ ที่จะได้รับความชัดเจนในด้านข้อมูลต่างๆที่จำเป็น เช่น เกณฑ์การจัดอันดับร้านค้ายอดนิยม และช่องทางติดต่อเมื่อเกิดปัญหา ขณะที่ผู้บริโภค ก็จะได้รับบริการที่ดีและปลอดภัยมากขึ้น นอกจากนี้ กลุ่มไรเดอร์ที่ให้บริการขนส่งสินค้าหรือรับส่งผู้โดยสารผ่านแอพพลิเคชั่น ก็จะได้รับความคุ้มครองในเรื่องค่าตอบแทน สรุปแล้ว กฎหมาย DPS ถือเป็นจุดเริ่มต้นทสำคัญ ที่จะช่วยสร้าง สร้าง Ecosystem ของการทำธุรกรรมออนไลน์ปลอดภัย เป็นธรรม แก่ผู้ประกอบการรายย่อย และผู้บริโภคมากขึ้น ที่มา : สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์

ส่องหนี้ครัวเรือน 2566 คนไทยเป็นหนี้อะไรมากสุด?

เมื่อพูดถึง “หนี้” คำๆนี้เป็นคำที่หลายคนเกลียด และไม่อยากรับภาระนี้ไว้ เพราะนอกจากจะส่งผลต่อความมั่นคงทางการเงินแล้ว ยังกลายเป็นภาระที่จะกระทบกับการดำเนินชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ที่ตกเป็นหนี้สินต่างๆอีกด้วย  ในปัจจุบัน ประเทศไทยมีหนี้ครัวเรือนทั้งประเทศสูงถึง 16 ล้านล้านบาท หรือร้อยละ 90.6 ของ GDP ทำให้หลายฝ่ายวิตกกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัว ความล้มเหลวของการแก้ปัญหาของภาครัฐที่จะลดหนี้ครัวเรือนลงมาอยู่ระดับที่ควรจะเป็นได้  นอกจากนี้ ข้อมูลล่าสุดของศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ยังเปิดเผยอีกว่า ปี พ.ศ. 2566 คนไทยมีหนี้สินสูงถึง 559,408 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ร้อยละ 11.5 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้ทั้งในระบบและนอกระบบ รวมทั้งต้องผ่อนชำระหนี้ต่อเดือน 16,742 บาท แบ่งเป็นหนี้ในระบบ 12,012 บาท และนอกระบบ 4,712 บาท เมื่อเจาะลึกลงไป พบว่า หนี้ที่คนไทยก่อไว้มากที่สุด ได้แก่ อันดับ 1 หนี้บัตรเครดิต อันดับ 2 หนี้รถยนต์  อันดับ 3 หนี้เพื่อการอุปโภคบริโภค  ขณะที่สาเหตุที่ทำให้เกิดหนี้มากที่สุด อาทิ อันดับ […]

การค้าไทยซบเซา หลังการเมืองกระทบเศรษฐกิจ ทำกำลังซื้อลดฮวบ

สถานการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้ ดูเหมือนจะไม่สดใสอย่างที่หลายคนคาดการณ์ไว้ เนื่องจากผลกระทบทางการเมืองในปัจจุบัน ที่ยังคงอยู่ในภาวะสุญญากาศ ไม่มีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหาร ข้อมูลการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการค้าปลีก ของสมาคมผู้ค้าปลีกไทย และธนาคารแห่งประเทศไทย แสดงให้เห็นว่า ช่วง 2 ไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมา ดัชนีความเขื่อมั่นปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาส 1/2566 ลดลง 13.5 จุด ขณะที่ไตรมาส 2/2566 ลดลงมาที่ 47 จุด ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลางที่ระดับ 50 จุด สะท้อนให้เห็นว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคฐานรากยังอ่อนแอ ค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับปัจจุบัน ยังไม่มีมาตรการกระตุ้นการจับจ่ายจากทางรัฐบาล กดดันให้ผู้บริโภคใช้จ่ายเฉพาะสินค้าที่จำเป็น โดยนายฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ รองประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า สถานการณ์การใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเดือนพฤษภาคม – มิถุนายนที่ผ่านมา เริ่มชะลอตัว โดยมีปัจจัยสำคัญทั้งค่าไฟแพง รวมทั้งการเมืองในขณะนี้ ที่มีความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งกระทบต่อความเชื่อมั่นที่ลดลง และส่งผลต่อการใช้จ่ายของประชาชน ที่ชะลอตามไปด้วย นอกจากนี้ นายวีรธรรม เสถียรธรรมะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีเจ มอร์ จำกัด ได้รายงานว่า สถานการณ์ค้าปลีกในช่วงท้ายปี […]

สรุปภาพรวมธุรกิจร้านอาหารไทยปี 2566

นายยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai ได้กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจร้านอาหารไทยในปีนี้ว่า ในปี พ.ศ. 2566 มีจำนวนร้านอาหารเปิดใหม่ราว 1 แสนกว่าร้าน หรือร้อยละ 13.6 โดยประเภทร้านอาหารเปิดใหม่ที่เติบโตมากสุด เช่น ร้านอาหารเช้า ร้านอาหารจีน และร้านสุกี้ยากี้ – ชาบู เป็นต้น ขณะที่ร้านอาหารประเภท Food Truck ข้าวต้มมื้อดึก และร้านพิซซ่า กลับชะลอตัวลง นอกจากนี้ จากการสำรวจข้อมูลยังพบว่า ร้านอาหารประเภทนั่งรับประทานที่ร้าน กลับมาเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่การระบาดของโควิด – 19 ได้คลี่คลายลงแล้ว อย่างไรก็ตาม มีร้านอาหารถึงร้อยละ 50 ปิดตัวลงภายในปีแรก และร้อยละ 65 ปิดตัวลงภายใน 3 ปี หลังจากที่เปิดทำการ ขณะเดียวกัน ปัญหาที่หนักใจที่สุดของผู้ประกอบการร้านอาหาร ที่เข้าร่วมการเก็บข้อมูล 1,230 แห่งในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ได้แก่ ต้นทุนวัตถุดิบ ต้นทุนแรงงาน ต้นทุนแฝงอื่นๆ […]

อสังหาฯไทยชะลอตัว พิษสังคมสูงวัย ประชากรลด หวั่นกระทบเศรษฐกิจ

หลังจากที่ในอดีต ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยเคยเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ดูเหมือนว่าอนาคตอาจจะไม่สดใสเท่าที่ผ่านมา จากสัญญาณการชะลอตัวในธุรกิจดังกล่าว ที่เริ่มปรากฏให้เห็นแล้ว โดยศูนย์ KKP Advice Center โดยกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ได้รายงานแนวโน้มการขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ไทย ซึ่งได้ประเมินแล้วว่ามีโอกาสที่จะชะลอตัวในอนาคต จากการที่ประเทศไทยเข้าสู่ภาวะสังคมผู้สูงวัยแล้ว  และในปี พ.ศ. 2573 ทางสหประชาชาติได้คาดการณ์แล้วว่าจำนวนประชากรไทยจะเริ่มลดลง รวมถึงกลุ่มผู้มีอายุระหว่าง 25 – 54 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มประชากรไทยที่มีแนวโน้มซื้อที่อยู่อาศัยมากสุด  นอกจากจำนวนผู้บริโภคจะลดลงแล้ว ยังมีอีก 4 ปัจจัยสำคัญ ที่จะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย การชะลอตัวของการขยายตัวของพื้นที่เขตเมือง กำลังซื้อคนไทยหดตัวจากภาวะเศรษษฐกิจอัตราดอกเบี้ยที่สูง และหนี้ครัวเรือน  ซึ่งในขณะนี้ ปัจจัยดังกล่าวเริ่มส่งผลในพื้นที่ชนบทและเมืองรองแล้ว สะท้อนจากจำนวนครัวเรือนในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ลดลงร้อยละ 1.2 ต่อปี เนื่องจากการลดลงของประชากรในพื้นที่ และการอพยพย้ายถิ่นฐานเข้าสู่เมืองใหญ่ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดปัญหาบ้านล้นตลาด และการปรับลดราคาอสังหาริมทรัพย์ แบบที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่นและจีน ขณะที่ในทางกลับกัน ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มี่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และจังหวัดใหญ่ๆ จะยังคงเติบโตได้อยู่จากการยัายเข้าพื้นที่ของประชากร การขยายตัวของเส้นทางรถไฟฟ้าในเมืองใหญ่ และกำลังซื้อจากชาวต่างชาติเป็นต้น  จากข้อมูลการสำรวจ พบว่าจำนวนครัวเรือนในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ขยายตัวอยู่ที่ 5.6 ต่อปี หรือมากกว่าค่าเฉลี่ยทั่วประเทศถึง 5 เท่า […]

รู้ให้ลึกกับ Soft Power และอุตสาหกรรมไหนบ้าง สร้างรายได้ให้กับประเทศ

หลายปีที่ผ่านมา หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า Soft Power จากสื่ออยู่หลายครั้ง แต่ส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจว่า Soft Power คืออะไร ทำไมภาคเศรษฐกิจในจังหวัดเชียงใหม่ต้องสนใจคำนี้ด้วย ซึ่งวันนี้เรามีคำตอบมาอธิบายแก่ทุกท่านได้ฟัง พร้อมสำรวจตัวอย่าง Soft Power จากทั่วโลกที่ประสบความสำเร็จ Soft Power มาจากแนวคิดของ Joseph S. Nye, Jr. นักวิชาการชื่อดังจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่กล่าวถึงกระบวนการใดๆ ที่สามารถสร้างอำนาจต่อรองในระดับนานาชาติได้ ผ่านวัฒนธรรม สื่อ การท่องเที่ยว หรือนโยบายต่างๆที่สามารถแทรกซึมชุดความคิด หรือภาพลักษณ์ที่ประเทศนั้นต้องการ ซึ่งตรงข้ามกับ Hard Power ที่เป็นการใช้อำนาจทางเศรษฐกิจหรือทหารในการกดดันฝ่ายตรงข้าม อย่งเช่นการทำสงคราม หรือมาตรการกดดันทางการเงิน เป็นต้น สำหรับประเทศแรกๆ ที่ประสบความสำเร็จจาก Soft Power ได้แก่สหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด ซึ่งสมาคมภาพยนตร์แห่งอเมริกา (MPAA) ได้รายงานข้อมูลก่อนการระบาดของโควิด-19 ว่า  วงการภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดได้สร้างรายได้ให้กับรัฐมากกว่า 2.06 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และสร้างงานให้กับคนในประเทศสูงถึง 700,000 ตำแหน่ง รวมทั้งยังช่วยสนับสนุนธุรกิจท้องถิ่นอีกมากกว่า 400,000 […]

1 7 8 9 10 11 24