179

ราคาทองคำและเงินบาท ประจำวันวันศุกร์ที่ 3 พฤศจิกายน 2566

ราคาทองคำสปอตเริ่มฟื้นตัวขึ้นหลังจากที่ลดลงติดต่อกันมา 3 วัน ปิดตลาดเมื่อคืน 1,985 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 3 ดอลลาร์ ปัจจัยหนุนมาจากการที่ เฟด ประกาศจะยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้นแล้วหลังจากที่เริ่มวงจรดอกเบี้ยขาขึ้นตั้งแต่ เดือน มีนาคม ปีที่แล้ว  เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงมาก Bond Yield สหรัฐอเมริกาปรับตัวลงแรงอายุ 10 ปี จาก 4.9% เหลือ 4.7% สะท้อนให้เห็นว่าตลาดคาดการณ์ว่า เฟดจะยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น แล้วก็ปีหน้าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย  ส่วนจำนวนผู้ของการว่างงานของสหรัฐประกาศออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ตัวเลขจริงเพิ่มขึ้น 5,000 ราย เป็น 217,000 รายมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะออกมา 210,000 ราย ก็ช่วยหนุนราคาทองคำได้ ส่วนประเด็นอื่นๆ ที่นักลงทุนจะต้องติดตามในวันนี้คิดว่าสำคัญทีเดียว ก็คือผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์เป็นกลุ่มหัวรุนแรงในเลบานอนบอกว่าจะประกาศท่าทีต่อสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสในวันนี้ คือก่อนหน้านี้ก็มีการปะทะกันระหว่างกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนกับอิสราเอลตามขอบชายแดน ซึ่งตอนนี้ก็คงจะต้องติดตามว่าสงครามจะยืดเย้อแล้วก็อาจจะรุนแรงมากขึ้นหรือไม่ ส่วนกองทุน SPDR เมื่อวานยังนิ่ง ๆ ถือครองทองคำเท่าเดิม ประเด็นที่ติดตามวันนี้ คือต้องติดตามการแถลงถึงท่าทีของผู้นำฮิซบอลเลาะห์ที่อยู่ในเลบานอนต่อสงครามอิสราเอลและฮามาส  ส่วนตัวเลขการจ้างงาน นอกภาคเกษตรหรือว่านอนฟราม์เพโลของสหรัฐฯ สำคัญมาก เดือน ตุลาคม ตลาดคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 178,000 ตำแหน่ง หลังจากที่ เดือน กันยายน เพิ่มขึ้นแข็งแกร่งมากและก็มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ของ เดือน กันยายน เพิ่มขึ้นถึง 336,000 ราย  ส่วนตัวเลขอื่นๆ อัตราการว่างงาน ตลาดคาดการณ์ว่า เดือน ตุลาคมน่าจะทรงตัวที่ 38%  อีกตัวที่มองว่าสำคัญก็คือดัชนี PMI ภาคการบริการ เดือน ตุลาคม ของ ไอเอสเอ็ม(ISM) ตลาดประเมินว่าอาจจะออกมาไม่ดีลดลงเหลือ 53.0 หลักๆ มาจากการจ้างงานน่าจะสำคัญที่สุด  แนวโน้มราคาทองคำสปอตอาจจะทรงตัวในระดับที่สูงเนื่องจากสงครามที่มองว่าอาจจะยืดเยื้อแต่ว่าในช่วงกลางคืนราคาทองคำอาจจะผันผวนตามตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่จะประกาศ ให้ระวังแรงเทขายถ้าเกิดตัวเลขออกมาดีเกินคาด  เพราะว่าที่ผ่านมาตัวเลขส่วนใหญ่ออกมาดีเกินคาดตั้งแต่ เมษายน ปีที่แล้ว แล้วมีแย่กว่าที่คาดการณ์ไว้แค่ 2 เดือนเท่านั้นก็คือ เดือน มิถุนายนและ เดือน กรกฎาคม แต่ถ้าเกิดออกมาแย่เกินคาดก็คงช่วยหนุนราคาทองคำได้ เพียงแต่ตัวเลขจะออกมาแตกต่างจากที่ตลาดคาดการณ์ไว้ มากน้อยแค่ไหนเท่านั้นเอง ถ้าเกิดออกมาใกล้ๆ ก็อาจจะไม่ค่อยมีผลมาก ทองคำระยะสั้นให้ แนวรับ 1,980 ดอลลาร์ และ 1,970 ดอลลาร์ จะรับอยู่ในช่วงนี้ ส่วนของแนวต้าน 1,990 ดอลลาร์ และ 2,000  ดอลลาร์ สำหรับราคาทองแท่งของสมาคมเมื่อวานปรับเปลี่ยน 5 ครั้ง ขายออกช่วงเย็น 33,850 บาท ลดลง 150 บาท ทองแท่งให้ […]

ราคาทองคำและเงินบาท ประจำวันที่ 2 พฤศจิกายน 2566

ราคาทองคำความสปอร์ตปิดตลาดปรับตัวลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ปิดตลาดที่ 1,982 ดอลลาร์ ลดลงเล็กน้อย 1.65 ดอลลาร์ ในช่วงกลางวันราคาทองคำปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง แต่ว่ากลางคืนมีแรงซื้อกลับเข้ามาขึ้นไปแตะที่ 1,991 ดอลลาร์ หลังจากที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเอดีพี(ADP) เดือน ตุลาคม เพิ่มขึ้น 113,000 ตำแหน่ง น้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะออกมาเพิ่มขึ้น 149,000 ตำแหน่ง รวมทั้งตัวเลขดัชนี PMI ภาคการผลิต เดือน ตุลาคม ของ ไอเอสเอ็ม(ISM) ออกมาอย่างน่าผิดหวังลดลงเหลือ 10.7 ในขณะที่ตลาดประเมินไว้ว่าจะออกมาทรงตัวที่ 49 และในที่สุดราคาทองคำก็มีแรงเทขายออกมา การประชุมเฟด มีมติตรึงดอกเบี้ยไว้ที่เดิมคือ 5.25 ถึง 5.5% เป็นการตรึงดอกเบี้ยไว้ที่เดิมติดต่อกันเป็นครั้งที่ 2 และแถลงการณ์ของเฟดอาจจะทำให้นักลงทุนตกใจบ้างเล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่ก็มีแรงเทขายออกมาในช่วงประมาณ ตี 1 หลังจากที่มีแถลงการณ์ของเฟด ซึ่งบอกว่าเฟดจำเป็นที่จะต้องขึ้นดอกเบี้ยต่อไปอีกถ้าเกิดจำเป็น เพราะว่าดูตัวเลขเศรษฐกิจแล้วก็ยังมีความแข็งแกร่งอยู่แต่ก็ยอมรับมาว่า อัตราดอกเบี้ยในระดับที่สูงก็กระทบกับภาคธุรกิจและภาคครัวเรือน ส่วนประธานเฟดก็ออกมาให้ความเห็นที่ต้องบอกว่าเป็นสายเหยี่ยวลดน้อยลง และได้บอกว่าเฟดก็จะใช้ความระมัดระวังในการดำเนินนโยบายการเงิน ความหมายก็คือ ถ้ามีการขึ้นดอกเบี้ยต่อไปก็คือมีการพิจารณาอย่างถ้วนถี่แล้วและก็เป็นไปได้เหมือนกันว่าจะยุติการขึ้นดอกเบี้ยถึงแม้ว่าจะไม่ได้ไม่ฟันธงออกมา ส่วนกองทุน SPDR กลับเข้ามาชื้อทองคำเล็กน้อย 2.02 ตัน คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยตัวจำนวนผู้ขอการว่างงาน ตลาดคาดว่าจะทรงตัวอยู่ที่ 210,000 ราย ก็ติดตามกันต่อไปว่าตัวเลขจะเป็นอย่างไร ที่น่าสนใจก็คงจะเป็นตัวเลขวันศุกร์ คือ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร  สำหรับแนวโน้มราคาทองคำคาดว่าน่าจะเคลื่อนไหวไซด์เวย์อัพภายหลังจากที่ลงมาติดต่อกัน 3 วันนักลงทุนอาจจะสบายใจมากขึ้นว่าเฟดจะยุติดอกเบี้ยขาขึ้นแล้ว มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,990 ดอลลาร์ คิดว่ายังไม่สามารถขึ้นไปถึง 2,000 ดอลลาร์ แนวรับ 1,980 ดอลลาร์ และ 1,970 ดอลลาร์ สำหรับราคาทองแท่งของสมาคมปรับเปลี่ยน 5 ครั้ง ขายออกช่วงเย็น 34,000 บาทถ้วนไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนนิ่งอยู่ตรงนี้ติดต่อกันมา 3 วันแล้ว แนวรับ 33,850 บาท และ 33,750 บาท แนวต้าน 33,950 บาท และ 34,050 บาท คำแนะนำการลงทุนมีอยู่อาจจะทยอยขายทำกำไรออกไปถ้าเห็นใกล้ๆ 1,990 ดอลลาร์ บางส่วนถือต่อไปเห็นเข้าใกล้ 2,000 ดอลลาร์ ก็ขายออกมาบางส่วนอีกครั้ง เข้าชื้อรอบใหม่ยังไม่แนะนำ ส่วนการลงทุนในโกลด์ฟิวเจอร์ อาจจะเปิดฟังขายได้ที่ 1,990 ดอลลาร์ คันลอส 2,000 ดอลลาร์ โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์เปิดฝั่งช็อตที่ 2,010 ดอลลาร์ คันลอส 2,020 ดอลลาร์ เน้นว่าเป็นการเกงกำไรระยะสั้น ถ้าเปลี่ยนทิศทางก็อาจจะต้องคันลอสออกไป  อยากเกรงกำไรฝั่งชื้ออาจจะดูประมาณ 1,975 ดอลลาร์ คันลอส 1,963 ดอลลาร์ สำหรับโกลด์ฟิวเจอร์ดูทองสปอตเป็นหลัก ส่วนเงินบาทเมื่อวานจะเห็นว่ามีความผันผวน แต่ในที่สุดก็ปิดตลาดทรงตัวที่ 36 บาท 11 […]

เศรษฐกิจภาคเหนือ ปรับดีขึ้นต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2566 ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ (ธปท. สภน.) โดยคุณพรวิภา ตั้งเจริญมั่นคง ผู้อำนวยการอาวุโส แถลงข่าว “ภาวะเศรษฐกิจและการเงินภาคเหนือ ไตรมาส 3/2566”  สรุปภาพรวมภาวะเศรษฐกิจภาคเหนือไตรมาส 3/2566 ปรับดีขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน จากการท่องเที่ยว การผลิต และ รายได้เกษตรที่ขยายตัว ตลาดแรงงานปรับดีขึ้น เป็นแรงสนับสนุนการบริโภค อย่างไรก็ตาม การลงทุนภาคเอกชนหดตัว รายละเอียดดังนี้ รายได้เกษตรกรขยายตัวชะลอลง จากผลผลิตที่หดตัว ตามการลดลงของข้าวนาปี ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เนื่องจากปริมาณน้ำฝนต่ำกว่าปีก่อน รวมทั้งผลผลิตลำไยลดลงจากสภาพอากาศผันผวนส่วนด้านราคาขยายตัวดีต่อเนื่อง ตามราคาข้าวที่มีอุปสงค์ต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ และราคาลำไยสูงขึ้นตามผลผลิตที่ลดลง ด้านผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวต่อเนื่อง จากหมวดอาหารแปรรูป ประกอบกับหมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ขยายตัวจากการเร่งผลิตรองรับโทรศัพท์รุ่นใหม่ และชิ้นส่วนสำหรับยานยนต์ที่ขยายตัวต่อเนื่อง ด้านหมวดเครื่องดื่มลดลงในกลุ่มสุราขาว น้ำดื่ม และโซดา ส่วนหมวดสินค้าฟุ่มเฟือยหดตัวต่อเนื่อง ทั้งเครื่องนุ่งห่ม เครื่องประดับ และ เฟอร์นิเจอร์ ตามอุปสงค์คู่ค้าที่ยังอ่อนแอ  การท่องเที่ยวปรับดีขึ้น จากนักท่องเที่ยวชาวไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดยาว ประกอบกับชาวต่างชาติทยอยฟื้นตัวแม้ต่ำกว่าคาด ตลาดแรงงานปรับดีขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนจากจำนวนผู้ประกันตนตามมาตรา 33 เพิ่มขึ้น สอดคล้องกับผู้ขอรับสิทธิประโยชน์กรณีว่างงานตามมาตรา 38 ที่ลดลง เป็นปัจจัยสนับสนุน การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวได้เล็กน้อย สะท้อนจากการใช้จ่ายในหมวดบริการและสินค้าอุปโภคบริโภคที่ปรับดีขึ้น อย่างไรก็ตาม หมวดสินค้ากึ่งคงทนลดลงหลังเร่งไปในช่วงก่อน และหมวดยานพาหนะลดลงจากรถกระบะและรถจักรยานยนต์หดตัว ส่วนรถยนต์นั่งยังขยายตัวได้  ด้านการลงทุนภาคเอกชนหดตัว ตามการนำเข้าสินค้าทุนที่ลดลง ประกอบกับรถยนต์เชิงพาณิชย์หดตัวต่อเนื่อง ส่วนการลงทุนก่อสร้างลดลงจากยอดจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง อย่างไรก็ดี พื้นที่ได้รับอนุญาตก่อสร้างหดตัวน้อยลง โดยปรับดีขึ้นบ้างในประเภทพื้นที่อยู่อาศัยและเพื่อการพาณิชย์  การใช้จ่ายภาครัฐกลับมาขยายตัวเล็กน้อย จากการเบิกจ่ายของรายจ่ายประจำที่เพิ่มขึ้น  อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลงไตรมาสก่อน จากหมวดอาหารสด และเงินเฟ้อพื้นฐานปรับลดลง แนวโน้มเศรษฐกิจภาคเหนือไตรมาส 4/2566 คาดว่าอยู่ในทิศทางฟื้นตัวต่อเนื่อง จากการเข้าสู่ช่วงฤดูท่องเที่ยวของภาคเหนือ ทำให้แนวโน้มนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและต่างชาติเพิ่มขึ้น ประกอบกับผลผลิตอุตสาหกรรมมีทิศทางขยายตัวตามความต้องการของประเทศคู่ค้า ส่งผลให้ตลาดแรงงานปรับดีขึ้น อย่างไรก็ตาม รายได้เกษตรกรคาดว่าชะลอลงตามผลผลิตที่ลดลง […]

เจียงฮายเตรียมพร้อมรับมือไฮซีซั่นปลายฝนต้นหนาว

มาเจียงฮายบัตรประชาชนใบเดียวก่อไปแอ่วต่างประเทศได้ เข้าสู่ช่วงฤดูหนาวแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติจะสวยเป็นพิเศษหลายพื้นที่ในเขตภาพเหนือเริ่มเตรียมความพร้อมรับนักท่องเที่ยวกันแล้ว จังหวัดเชียงรายถือว่าเป็นเมืองรองที่มีข้อได้เปรียบอย่างมากเพราะว่ามีพรมแดนติด 2 ประเทศ คือ พม่าและลาว ที่สามารถเข้ามาเที่ยวในฝั่งไทยได้อย่างสะดวก การเตรียมความพร้อมของจังหวัดเชียงรายในฐานะเมืองรองการท่องเที่ยว อากาศในเชียงรายบนดอยเริ่มหนาวเย็น แต่ในเขตเมืองอากาศไม่หนาวและค่อนข้างที่จะร้อนจัดระหว่างที่เดินทางมาจังหวัดเชียงรายมีจุดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวเชียงรายด้วยการเดินทางเส้นทาง เชียงใหม่ เชียงราย จะแวะพักแช่น้ำร้อนหรือว่าแช่เท้า คือ น้ำพุร้อนริมถนนพหลโยธิน เพราะ 1 ปี ไฮซีซั่นของพื้นที่ภาคเหนือจะมีแค่ประมาณ 3 ถึง 4 เดือนเท่านั้น ซึ่งปลายฝนต้นหนาวจะสวยงามเป็นพิเศษ แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ มีความพร้อมค่อนข้างมากในการเตรียมรับนักท่องเที่ยว ซึ่งภาคประชาชนและหน่วยงานต่างๆ ของเชียงรายตอนนี้ถือว่าพร้อมค่อนข้างมากและเตรียมงานหลายงานเพื่อรองรับการท่องเที่ยว ในส่วนของบรรยากาศของการท่องเที่ยวตามยอดดอยต่างๆ ของจังหวัดเชียงรายจะเห็นได้ว่ามีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเริ่มเดินทางขึ้นมาสัมผัสอากาศหนาวแล้ว ร้านกาแฟ ร้านอาหารต่างๆ นอกจากที่พักตั้งแต่พาอี้ไปจนถึงดอยผาหมีแล้วก็ดอยต่างๆ ในพื้นที่เชียงรายไม่ว่าจะเป็น ดอยช้าง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่กำลังยอดนิยมตอนนี้ คาเฟ่ต่างๆ รวมถึงฝูงแกะต่างๆก็พร้อมรับนักท่องเที่ยวเช่นเดียวกัน ช่วงนี้เชียงรายยังคงมีฝนตกอยู่บ้าง ปัญหาหลักของการท่องเที่ยวก็จะมีเรื่องของสถานที่จอดรถรวมถึงการจัดการจราจร เชียงราย ถือว่าเป็นเมืองรองด้านการท่องเที่ยว แต่ว่าถ้าจะให้ชูจุดเด่นข้อได้เปรียบของเชียงรายที่ ไม่แพ้จังหวัดอื่นๆ ในภาคเหนือเลยด้านการท่องเที่ยว ก็คือเรื่องของ ศิลปวัฒนธรรม ประเพณีและวิถีชีวิตต่างๆที่เชียงรายมีความหลากหลาย รวมถึงทรัพยากรธรรมชาติ เชียงรายยังเป็นจังหวัดเดียวในพื้นที่ภาคเหนือแล้วก็ในประเทศ ที่มีไม่กี่จุดที่มีพรมแดนติดต่อไปถึงลาวและเมียนมาร์  เช่น บริเวณชายแดนลาว อำเภอเชียงแสน ตรงนี้ก็เป็นบริเวณ 3 เหลี่ยมทองคำ โดยเฉพาะเมืองตรงข้ามฝั่งโขงบ้านตอน มีการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆจำนวนมาก จะมีคนไปไหว้พระเป็นจำนวนมาก ล่องเรือตามน้ำโขงเพื่อที่จะสัมผัสความงามของแม่น้ำโขงทั้งสองฝั่งเป็นจุดที่ไฮไลท์ ที่จังหวัดอื่นๆไม่มี แล้วก็เป็นจุดแรกของน้ำโขงที่เข้าสู่ประเทศไทย นักท่องเที่ยวก็จะมีจำนวนมาก อีกจุดหนึ่ง คือ อำเภอแม่สาย ที่คึกคักตลอดมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวเมียนมาเดินทางข้ามมาจำนวนหลายพันคนต่อวัน แต่ว่าก็ยังน่าเสียดายที่ชาวต่างชาติยังเข้าไปในประเทศเมียนมาร์ ไม่ได้แต่คนไทยเข้าไปเที่ยวได้จนถึงเมืองเชียงตุง เชียงตุง เป็นเมืองที่มีศิลปวัฒนธรรม ประเพณี คล้ายๆ กับเชียงใหม่เมื่อ 20 หรือ 30 ปีที่แล้ว วิถีชีวิตที่คล้ายคลึงกันรวมถึงศิลปะวัฒนธรรมที่ยังคงงดงาม นี่คือข้อได้เปรียบของจังหวัดเชียงรายคือสามารถเชื่อมการท่องเที่ยวไปได้หลายจุดซึ่งนักท่องเที่ยวที่มาก็จะได้สัมผัสบรรยากาศนอกจากท่องเที่ยวภายในเชียงรายแล้ว ยังสามารถท่องเที่ยวต่างประเทศแบบไม่ต้องมีพาสปอตร์ก็ได้ ใช้แค่บัตรประชาชนใบเดียวเที่ยว ลาวได้ 3 วัน พม่า 7 วัน นะครับท่านผู้ชม สำหรับใครที่เตรียมพร้อมหรือวางแผนท่องเที่ยวตอนนี้เชียงรายมีการเตรียมงาน มหกรรมดอกไม้อาเซียน ปีนี้จัดใหญ่ จัดตอนกลางคืนด้วยแล้วก็มีการจัดข้ามปี ใครอยากมาเคาท์ดาวน์ที่สวนดอกไม้ก็ได้เพราะว่าเขาจัดงานตอนกลางคืนด้วย เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านร้านค้าต่างๆ เป็นการกระจายรายได้ในจังหวัด เชื่อว่าในช่วงไฮซีซั่น เศรษฐกิจของเชียงรายน่าจะขยายตัวอย่างมากไม่แพ้เมืองท่องเที่ยวหลักใกล้เคียงอย่างจังหวัดเชียงใหม่อย่างแน่นอน  เรียบเรียงโดย : บ่าวหัวเสือ

ทิศทางราคาข้าวตลาดโลก ปี 2023 – 2024 มีความเสี่ยงพุ่งสูง?

ราคาข้าวในตลาดโลกยังมีความเสี่ยงพุ่งสูง? อินเดียสั่งงดส่งออกข้าวเพื่อที่จะรักษาเสถียรภาพราคาข้าวให้กับคนในประเทศ แต่ก็ทำให้ราคาข้าวในตลาดโลกพุ่งสูงทำสถิติในรอบ 10 ปี ถ้ามองในแง่ดีบรรดากลุ่มผู้ส่งออกข้าว ซึ่งรวมถึงไทยด้วยน่าจะได้อานิสงส์ แต่ราคาที่พุ่งขึ้นคือภาระของคนในประเทศ และนักวิเคราะห์หลายคนออกมาแสดงความกังวลถึงสถานการณ์ที่จะส่งผลต่อเงินเฟ้อทั่วโลกที่อาจจะพุ่งสูงขึ้นตามอีกระลอกเป็นไปได้ ปัจจุบันราคาข้าวในตลาดโลกผันผวนพอสมควร โดยเฉพาะหลังจากอินเดียประกาศระงับการส่งออกข้าวเมื่อปลายเดือนที่แล้ว เพียง 3 วัน หลังจากข้อตกลงส่งออกธัญพืชรัสเซียล่ม รัฐบาลอินเดียก็เริ่มบังคับใช้คำสั่งห้ามส่งออกข้าว เพื่อรับมือกับปัญหาในประเทศ ทั้งราคาอาหารที่พุ่งสูง อัตราเงินเฟ้อถีบตัวสูงขึ้นและความกังวลถึงผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนินโญ ที่อาจจะทำให้ผลผลิตทางการเกษตรลดลงในช่วงที่ตรงกับการเลือกตั้งพอดี  แต่การแก้ปัญหาในครั้งนี้ของอินเดียกลับยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์ความไม่มั่นคงทางอาหารของโลกให้ยิ่งเลวร้ายลงไปอีก โดยราคาข้าวในตลาดโลกทะยานขึ้นสูงสุดในรอบมากกว่า 10 ปี ท่ามกลางความกังวลว่าข้าวในฐานะอาหารหลักของคนมากกว่าครึ่งโลกจะกลายเป็นโดมิโน่ตัวแรกที่ล้มก่อนที่ราคาอาหารประเภทอื่นๆ จะพุ่งสูงตามไปด้วยซึ่งแน่นอนว่าย่อมส่งผลไปถึงราคาพลังงานและค่าครองชีพในที่สุด  นับตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมาอินเดียในกระโดดแซงหน้าไทยและก้าวขึ้นเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลก ข้อมูลจากองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ หรือ เอฟเอโอ(FAO) ชี้ว่า เมื่อปีที่แล้วอินเดียครองส่วนแบ่งการส่งออกข้าวมากถึง 40% ของทั้งโลกทิ้งห่างไทยที่เป็นอันดับ 2 เกือบ 3 เท่า ตามมาด้วย เวียดนามปากีสถาน และ สหรัฐฯ ข้าวจากอินเดียถูกส่งไปขายยัง 140 ประเทศทั่วโลก ดังนั้นประเทศที่พึ่งพิงการนำเข้าข้าวอินเดีย อย่าง บังกลาเทศ เนปาล เบนินโตโกและมาลี ต้องรับแรงกระแทกจากนโยบายข้าวของอินเดียไปแบบเต็มๆแต่อาจจะมีทางออกอยู่บ้าง เพราะว่ารัฐบาลอินเดียยังเปิดโอกาสให้ชาติอื่นๆ สามารถเข้าไปขอเจรจาซื้อข้าวแบบจีทูจี(G2G) หรือว่ารัฐต่อรัฐได้ซึ่งหลายประเทศเริ่มมีติดต่อเข้าไปแล้ว แต่อินเดียไม่ใช่ผู้ส่งออกข้าวเจ้าเดียวที่ทำให้ตลาดโลกกังวล นั้นเพราะตอนนี้เมียนมากลายเป็นประเทศล่าสุดที่ออกมาประกาศระงับการส่งออกข้าวนาน 45 วัน เพื่อควบคุมราคาในประเทศ โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้สิ้นเดือนนี้และแม้ว่าเมียนมาจะไม่ติด 5 อันดับแรกของประเทศผู้ส่งออกข้าวมากที่สุดในโลกในปัจจุบัน แต่หลายคนกังวลเขาว่าประเทศอื่นๆ อาจจะเคลื่อนไหวตามเมียนมา เพื่อชะลอผลกระทบในประเทศและเตรียมตัวรับมือกับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญที่วนกลับมาเกิดอีกครั้งในรอบ 7 ปีก็เป็นไปได้ สถานการณ์นี้เคยเกิดขึ้นแล้วเมื่อปี 2008 ตอนนั้น เวียดนาม เริ่มจำกัดการส่งออกข้าวตามมาด้วยอินเดีย กัมพูชา และอีกหลายประเทศ จนกลายเป็นวิกฤตข้าวโลกและทำให้ราคาข้าวพุ่งทะลุ 3 เท่าในเวลาเพียงไม่กี่เดือน แต่สถานการณ์ในตอนนี้อาจย่ำแย่และต่างออกไป เพราะว่าวิกฤติโลกร้อนและสงครามรัสเซียยูเครน  เอฟเอโอ รวบรวมข้อมูลราคาส่งออกข้าวรายเดือนในหลายประเทศมาจัดทำเป็นดัชนีราคาข้าวในตลาดโลก พบว่านับตั้งแต่ สองยักษ์ใหญ่ผู้ส่งออกธัญพืชอย่างรัสเซียและยูเครนเปิดฉากทำสงครามเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ราคาข้าวในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตามความต้องการข้าวที่เพิ่มสูงขึ้นเพื่อทดแทนธัญพืชที่มีลดลงในตลาดโลก สถานการณ์ในปีนี้กระโดดขึ้นไปเลวร้ายกว่าเก่า โดยเฉพาะหลังจากอินเดียระงับส่งออกข้าวราคาข้าวพุ่งสูงขึ้นประมาณ 20% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วหรือสูงที่สุดในรอบ 12 ปี และดูจากแนวโน้มในปัจจุบันนักวิเคราะห์บางส่วนบอกว่าสถานการณ์นี้อาจจะยังไม่ดีขึ้นในเร็วๆ นี้ แต่อย่าพึ่งวิตกกังวลมากเกินไป เพราะว่าเกษตรกรและพ่อค้าในเวียดนามเองก็เล็งเห็นถึงโอกาสจากราคาส่งออกข้าวของประเทศที่ปรับตัวกระโดดขึ้นสูงถึง 35% ถือว่าสูงที่สุดในรอบ 15 ปี ก็เลยหันมาเร่งปลูกข้าวเพื่อป้อนความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นในตลาดโลก แต่ในไทยยังไม่มีนโยบายที่ชัดเจนเรื่องข้าวที่ราคาภายในประเทศนั้นตกต่ำลงจนเหลือไม่ถึง 10 บาท ขณะที่กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ประเมินว่าในปีหน้าประเทศผู้ส่งออกข้าวรายอื่นๆ เช่น บราซิล ปากีสถาน และเวียดนาม น่าจะเพิ่มการส่งออกทดแทนส่วนต่างของข้าวอินเดียที่หายไป ส่วนปลายปีนี้ไปจนถึงปีหน้ามีการคาดการณ์ว่าผลผลิตข้าวของทั้งโลกน่าจะเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อยโดยเฉพาะในรัสเซีย ยูกันดา และสหรัฐอเมริกา ธนาคารโลกคาดการณ์ว่า ภาพรวมราคาอาหารในปีนี้จะต่ำกว่าปีที่แล้วแม้ว่าจะเจอคำสั่งห้ามส่งออกข้าวของอินเดียก็ตาม เพราะว่าผลผลิตข้าวรวมไปถึงธัญพืชอื่นๆ น่าจะเพิ่มขึ้นหลังจากนี้ เพราะสภาพอากาศไม่เลวร้ายมากอย่างที่คิด   ท้ายที่สุดแล้วฟ้าฝนเกิดไม่เป็นใจขึ้นมาหรือว่าปรากฏการณ์เอลนีโญเองก็มีผลกระทบที่ร้ายแรงมากขึ้นก็ต้องมาประเมินสถานการณ์กันใหม่ เรียบเรียงโดย : บ่าวหัวเสือ อ่านข่าวเพิ่มเติม : ชาวนาเจียงใหม่น้ำตาตกขายข้าวนึ่งได้กิโล 9 บาท…

ชาวนาเจียงใหม่น้ำตาตกขายข้าวนึ่งได้กิโล 9 บาท…

ชาวนาหลายอำเภอในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ได้ยื่นเรื่องเจรจากับนายวีรพงษ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนจากราคาข้าวเหนียวสันป่าตองส่งขายได้แค่กิโลกรัมละ 9 บาท จากเดิมกิโลกรัมละ 14 บาท ด้านอธิบดีกรมการค้าภายในบอกว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สั่งการให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและกำชับให้แก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน เบื้องต้นได้มีการเปิดจุดรับซื้อใน 7 จังหวัดได้แก่ เชียงราย, เชียงใหม่, แพร่, น่าน, พะเยา, ลำพูน, ลำปาง จำนวน 16 จุด พร้อมกับประสานสหกรณ์โรงสีและผู้รับซื้อจากนอกพื้นที่ให้ช่วยซื้อ โดยช่วยค่าบริการการจัดการค่าขนส่ง ซึ่งคาดว่าจะสามารถพยุงราคาข้าวเปลือกเหนียวใหม่ได้ ส่วนมาตรการช่วยเหลืออื่นๆ กรมการค้าภายในจะทำแผนเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว ให้กรมบังคับภายในการเปิดจุดรับซื้อถ้ามีความจำเป็นก็พร้อมที่จะเชื่อมโยงผู้ซื้อในต่างจังหวัดเข้ามาเพิ่มเติม เช่น ชัยนาท, พิจิตรและสิงห์บุรี ราคาข้าวเปลือกเหนียวในตอนนี้ทางอธิบดีกรมการค้าภายในบอกว่ายังถือว่าไม่ต่ำกว่าช่วงปีที่ผ่านมาและจากการลงพื้นที่ติดตามการเปิดจุดรับซื้อข้าวเหนียวพบว่าชาวนานั้นเริ่มทยอยเก็บเกี่ยวข้าวเปลือกเหนียวปี 2566 – 2567 ออกสู่ตลาดผลผลิตข้าวเหนียวในภาพรวมปีนี้มีอยู่ 5.85 ล้านตัน ลดลงจากปีที่ผ่านมาประมาณ 4% แต่ผลผลิตกระจุกตัวในช่วง ตุลาคม – ธันวาคม มากถึง 80%  ถ้าดูแล้วในภาพรวมทางภาคเหนือก็จะมีผลผลิต 1.46 ล้านตันมากที่สุดคือ เชียงราย 0.43 ล้านตันเชียงใหม่ 0.20 ล้านตัน ส่วนสถานการณ์ด้านราคาปีนี้ถือว่าข้าวเปลือกเหนียวที่เกษตรกรได้รับอยู่ในเกณฑ์ดีมาตลอด เฉลี่ยปีนี้ราคาข้าวเปลือกเหนียวแห้ง 12,800 บาทต่อตัน เดือนกันยายนสูงถึง 15,300 บาทต่อตัน แต่จากการที่ผลผลิตออกกระจุกตัวในช่วงนี้ทำให้ราคามีแนวโน้มเริ่มต่ำลง ข้าวเปลือกเกี่ยวสดอยู่ที่ 9,300 บาท ถึง 9,500 บาทตามคุณภาพข้าวที่เกษตรกรเก็บเกี่ยวแต่ก็ยืนยันว่ายังไม่ใช่ราคาที่ถือว่าต่ำกว่าปีที่ผ่านมา จากสถานการณ์ในปัจจุบัน ข้าวเหนียวพันธุ์สันป่าตองที่ครบกำหนดอายุเก็บเกี่ยวจนเหลืองอร่ามครบกำหนดอายุที่ต้องเก็บเกี่ยวเต็มทุ่งนา ส่งผลให้ชาวนาในพื้นจังหวัดเชียงใหม่ เร่งเก็บเกี่ยวผลผลิตประเด็นหลัก คือ ราคาไม่แน่นอนไม่สามารถคำนวณราคาต้นทุนการผลิตได้ นั้นทำให้กลุ่มชาวนา จังหวัดเชียงใหม่ พยายามเรียกร้องขอให้กรมการค้าภายในและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องช่วยมาแก้ไข ขณะที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ใช้พื้นที่สหกรณ์การเกษตรแม่ริมเป็น หนึ่ง ใน 3 จุดรับซื้อข้าวเหนียวสันป่าตองจากเกษตรกรแต่ก็ไม่สามารถช่วยเกษตรกรได้มากนัก เนื่องจากราคารับซื้อยังต้องอิงกับโรงสีตามกลไกตลาด จากการลงพื้นที่พบว่าชาวนาในอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เร่งเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวเหนียวพันธุ์สันป่าตองเนื่องจากเกรงว่าราคาข้าวจะตกลงไปมากกว่าตอนนี้  ชาวนาบอกว่าสาเหตุที่ต้องเร่งเก็บเกี่ยวเนื่องจากไม่มั่นใจเรื่องราคา ถ้าราคาถูกกว่านี้จะยิ่งขาดทุนและข้าวก็ถึงเวลาที่จะต้องเก็บเกี่ยวแล้วถ้าเกี่ยวช้ากว่านี้ก็จะส่งผลกระทบต่อคุณภาพ สภาพอากาศที่แปรปรวนหากเกิดฝนตกลงมาอีกก็จะยิ่งทำให้ผลผลิตเสียหาย ประเด็นหลักคือราคาไม่แน่นอน เราไม่สามารถคำนวณราคาหรือพยุงราคาหรือประวิงราคาไม่ให้ขึ้นลงได้มันอยู่ที่นายทุนทั้งนั้นอีกอย่างก็คือระยะเวลาเก็บเกี่ยวต้องเกี่ยว […]

ราคาทองคำและเงินบาท ประจำวันอังคารที่ 31 ตุลาคม 2566

ราคาทองคำสปอตปิดตลาดเมื่อคืนลดลง 10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,995 ดอลลาร์ มีแรงเทขายทำกำไรทองคำออกมาบ้าง ถึงแม้ว่าสถานการณ์ในตะวันออกกลางยังรุนแรงอยู่ หลังจากที่ช่วงสุดสัปดาห์อิสราเอลประกาศที่จะยกระดับการโจมตีภาคพื้นดินในฉนวนกาซาเพื่อกวาดล้างกลุ่มฮามาสเมื่อวานเห็นการเคลื่อนไหวแล้วอิสราเอลมีการเคลื่อนกำลังพลรถถังเข้าทางตอนเหนือของฉนวนกาซา  มีคู่กรณีเพิ่มขึ้นมาบ้างก็คือ เลบานอนและอิสราเอล รักษาการนายกเลบานอน บอกว่าจะพยายามไม่ให้เกิดสงครามระหว่างอิสราเอลกับเลบานอน เพราะว่าก่อนหน้านี้มีการปะทะกันระหว่างกลุ่มหัวรุนแรงฮิซบอลเลาะห์ทางตอนใต้ของเลบานอนกับอิสราเอล  ส่วนกองทุน SPDR เมื่อวานมีการขายทองคำออกมา 2.31 ตัน วันนี้ติดตามการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น หรือ บีโอเจ(BOJ) ก็คาดการณ์ว่ายังคงใช้นโยบายดอกเบี้ยติดลบ 0.1% แต่ว่าแนวโน้มปีหน้าน่าจะยกเลิกนโยบายดอกเบี้ยติดลบแล้วก็เงินเยนมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นในอนาคตได้ วันนี้บีโอเจอาจจะมีการปรับเปลี่ยนตามนโยบายเงินเฟ้อเป้าหมาย แต่ว่าตลาดคาดการณ์ว่าอาจจะมีการปรับเปลี่ยน  ส่วนของสหรัฐฯ จะประกาศข้อมูลเศรษฐกิจ 2 ตัว  1. ดัชนี PMI เขตชิคาโก เดือน ตุลาคม ตลาดคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 45 2. ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ตลาดคาดการณ์ว่าจะลดลงเหลือ 100.1 แนวโน้มราคาทองคำคาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบไซด์เวย์ติดตามสถานการณ์ในตะวันออกกลางจะรุนแรงขึ้นลุกลามบานปลายขยายวงกว้างหรือไม่ ถ้าขยายทองคำก็จะขึ้นไปอีกรอบหนึ่ง  ที่สำคัญคือการติดตามเรื่องการประชุมธนาคารชั้นนำสัปดาห์นี้ ไม่ว่าจะเป็นวันนี้ธนาคารกลางญี่ปุ่น แล้วก็คืนวันพุธ การประชุมเฟด และวันพฤหัส การประชุมธนาคารกลางอังกฤษ  แนวโน้มน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ แนวรับ 1,990 ดอลลาร์ และ1,980 ดอลลาร์ แนวต้าน 2,009 ดอลลาร์ และ แนวต้านสำคัญ 2020 ดอลล่าร์  สำหรับราคาทองแท่งเมื่อวานปรับเปลี่ยน 4 ครั้ง ขายออกช่วงเย็น 34,000 บาท ลดลง 200 บาท จากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมา แนวรับ 33,850 บาท และ 33,750 บาท แนวต้าน 34,050 บาท และ 34,150 บาท  คำแนะนำการลงทุนบางส่วนอาจจะถือต่อไปแล้วก็มีแบ่งขายทำกำไรเป็นช่วงๆ ถ้าเห็นปรับตัวทะลุ 2,000 ดอลลาร์ น่าจะขายไปบางส่วนได้  ส่วนการลงทุนในโกลด์ฟิวเจอร์ย่อตัวลงมา แนะนำซื้อทองสปอตที่ 1,980 ดอลลาร์ คัทลอส 1,970 ดอลลาร์โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์ แนะนำฝั่งซื้อที่่ 2,005 ดอลลาร์ คัทลอส 1,995  ดอลลาร์ เงินบาทเมื่อวานแข็งค่าขึ้นแล้วก็หลุด 36 บาท ปิดตลาดเมื่อวานที่ 35 บาท 90 สตางค์ แข็งค่าขึ้นถึง 23 สตางค์ กดดันราคาทองแท่งพอสมควรทีเดียว ประมาณเกือบ 200 บาท  แนวโน้มเงินบาทอาจจะแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องแต่อาจจะไม่แข็งค่าเท่าเมื่อวานนี้ […]

ค้าปลีกจำกัดการซื้อน้ำตาลทรายบรรจุถุงก่อนปรับราคาอีก 4 บาท

ค้าปลีกขนาดใหญ่ขึ้นป้ายจำกัดการจำหน่ายน้ำตาลทรายบรรจุถุงขนาด 1 กิโลกรัม ทุกยี่ห้อระบุเอาไว้ว่าซื้อได้ไม่เกิน 6 ถุงต่อ หนึ่ง ใบเสร็จ โดยราคาขณะนี้ยังอยู่ที่กิโลกรัมละ 24 ถึง 25 บาท ก่อนที่จะปรับขึ้นอีก 3 บาท ในวันพรุ่งนี้  ขณะที่ร้านสะดวกซื้อบางแห่งพบว่าน้ำตาลทรายบางยี่ห้อไม่มีจำหน่าย จากการสอบถามพนักงานขายระบุว่าสินค้าหมดสต็อก ลูกค้ามาซื้อกันอย่างต่อเนื่อง ร้อยตรีจักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน ระบุว่าจากการส่งเจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบการจำหน่ายน้ำตาลทรายตาม ห้างค้าส่ง ค้าปลีก ร้านสะดวกซื้อ เพราะมีน้ำตาลทรายวางจำหน่ายและยืนยันสต็อกยังมีของอยู่ ส่วนกรณีที่ห้างจำกัดการซื้อไม่เกิน 6 ถุงต่อ 1 ใบเสร็จ เพื่อป้องกันการกักตุน เพียงแต่ว่าการที่จำกัดการซื้อเนื่องจากมีข่าวออกมาว่าน้ำตาลจะขึ้นราคา 4 บาท ต่อกิโล อาจจะทำให้ผู้บริโภคส่วนหนึ่งที่ทำการซื้อเก็บไว้ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นก็จะไม่เกิดผลดีจึงอยากจะขอความร่วมมือว่าไม่จำเป็นต้องซื้อเก็บไว้มากๆ เพราะว่าของไม่ได้ขาด เพราะบริโภคในประเทศแค่ 2.5% ส่งออก 7.5% ในเรื่องของปริมาณคงไม่มีปัญหาอะไร ในส่วนของผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างผู้ประกอบการที่ทำขนมที่ใช้น้ำตาลทรายในทุกๆ วัน วันละกว่า 150 กิโลกรัม ในการผลิต การขึ้นราคาน้ำตาลทรายสร้างความกังวลให้กับผู้ประกอบการอย่างมาก เพราะว่ากระทบกับต้นทุนการผลิตมาก แต่ไม่สามารถปรับขึ้นราคาขนมได้ แต่ต้นทุนสูงขึ้นและไม่ใช่เฉพาะตัวน้ำตาลอย่างเดียว วัตถุดิบตัวอื่นๆ ที่มันมีส่วนประกอบของความหวานก็จะขึ้นมาอีกเท่าตัวนั้นคือปัญหาที่จะตามมากระทบต่อผู้ประกอบการอย่างหลีกเหลี่ยงไม่ได้ ตอนนี้จะปรับราคาขึ้นหรือจะแก้ไขปัญหาอย่างไรก็ต้องยอมรับตรงนี้ไปก่อน ส่วนผู้ประกอบการโรงงานผลิตซอสหวานในจังหวัดเชียงใหม่บอกว่าราคาน้ำตาลทรายที่สูงขึ้นทำให้ทางโรงงานต้องปรับราคาสินค้าขึ้นตามราคาวัตถุดิบ เพราะฉะนั้นผลกระทบถามว่ามีหรือไม่ก็ต้องตอบว่าไม่ได้มีผลกระทบเพราะต้องขึ้นราคาตามวัตถุดิบที่มีต้นทุนเพิ่มขึ้น และเราก็ปรับขึ้นราคาสินค้าเรา ดังนั้นผู้บริโภคคือผู้แบกรับรายจ่ายที่แท้จริง ถ้าพูดกันแบบตรงๆ ก็คือ ผู้บริโภคต้องเป็นผู้จ่ายเงินในส่วนต่างพวกนี้ ให้เราผู้บริโภคก็ต้องแบกรับภาระตรงนี้ไป ในส่วนของชาวไร่อ้อย อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี บอกว่าการปรับราคาน้ำตาลในประเทศที่สูงขึ้นจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับชาวไร่เพราะว่าปีนี้ผลผลิตอ้อยน้อยคุณภาพอ้อยต่ำซึ่งเป็นผลกระทบจากภัยแล้งและต้นทุนการเพาะปลูกสูง ค่าน้ำมัน ค่าจ้างแรงงานที่สูงขึ้นแล้วก็ยังมีค่าเช่ารถตัดอ้อยเพราะที่ไร่ตัดอ้อยสด คาดหวังว่ารัฐบาลจะช่วยค่าตัดอ้อยสด 120 บาท ต่อตัน รวมไปถึงประกาศราคาอ้อยขั้นต่ำอยู่ที่ 1,300 ถึง 1,400 บาท ต่อตัน อ้อยจะครอบคลุมต้นทุนการผลิต ถ้าหากว่ามีการปรับขึ้นก็คือจะมีต้นทุนต่อไป สำหรับปริมาณผลผลิตอ้อยปีนี้คาดว่าจะต่ำกว่าเป้าหมายเหลือ 75 […]

เจาะลึกตลาดหุ้นไทย หลังร่วงแรง 170 จุด

อัพเดทสภาวะตลาดหุ้น เนื่องจาก วันที่ 26 ตุลาคม 2566 มีการเคลื่อนไหวที่รุนแรงค่อนข้างมากแต่ไม่ใช่เป็นการเคลื่อนไหวที่รุนแรงเฉพาะในประเทศไทย แต่เป็นทั้งภูมิภาคและในยุโรป หุ้นไทยก่อนหน้านี้ปรับตัวลงมา 170 จุด ในช่วงเวลาประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมาเพราะคิดว่ามีการรีบาวด์กลับมาวันนี้ 26 ตุลาคม 66) ท้ายที่สุดก็ร่วงปรับตัวลงไปอีกประมาณสัก 30 กว่าจุดด้วยกัน ตอนนี้ก็ลงไปประมาณ 2 เดือน 200 จุดด้วยกันอยู่ที่ 1,371.2 จุด ต่ำที่สุดแล้วในรอบ 3 ปี พูดง่ายๆ ตอนที่โควิดก็ยังไม่เท่านี้มาก่อนช่วงปลายโควิดเองก็สูงกว่าแล้วก็ถือว่าค่อนข้างหนักทีเดียว ตั้งแต่ เดือน กันยายน ถึงตอนนี้ปรับลงแล้ว 194 จุด ด้วยกัน เมื่อวาน (26 ตุลาคม 66) ปรับตัวลงไป 30.48 จุด คุณ ภานุวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์หยวนต้าซีเคียวริตี้ประเทศไทย บอกว่า จากประสบการณ์ส่วนตัวที่ผ่านมาเค้าลางของเศรษฐกิจซึ่งอาจจะลามมายังตลาดหุ้น ตอนนี้เริ่มต้นชัดเจนมากแล้ว โดยเฉพาะช่วงเออร์นิ่งยิว ก็คือส่วนต่างระหว่างผลตอบแทนของพันธบัตรกับผลตอบแทนของตลาดหุ้น อยู่ในช่วงที่ค่อนข้างแคบ ส่วนก่อนหน้านี้หยวนต้าเตือนให้นักลงทุนลดพอร์ตมาระยะหนึ่งแล้ว ส่วนตัวมองว่าปีหน้าจะเกิดวิกฤตแน่นอนเพียงแต่ว่ามันจะเป็นวิกฤตแบบไหน ความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลกในช่วงที่ผ่านมามีทั้งส่วนของ อสังหาริมทรัพย์ในจีนที่ยังไม่คลี่คลาย ความเสี่ยงกับหุ้นกู้ของบริษัทในสหรัฐครบกำหนดในปีหน้า ความเสี่ยงจากผลขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นของธนาคารในสหรัฐฯ ซึ่งก็เกิดปัญหามาแล้วเมื่อกลางปี เช่น ซิลิคอนแวลลีย์แบงก์ (Silicon Valley Bank)’ บอกว่าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯสูงกว่าช่วงก่อนหน้านี้ และปัญหาแบงก์ต่างๆ ยังไม่เกิดขึ้นจนกว่าจะมีคนไปถอนเงินจำนวนมาก จากข้อมูลในอดีตจะเห็นว่าวิกฤติจะเกิดขึ้นในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยสูงเกือบทั้งนั้น สิ่งที่นักลงทุนควรทำในตอนนี้ คือ การขายหุ้นปรับลดพอร์ตในจังหวะที่ตลาดหุ้นพื้นตัวแรง โดยเฉพาะถ้ามีสัญญาณที่ตลาดฟื้นตัวได้ 30 จุด ถึง 50 จุด ตอนนี้ยังไม่เห็นสัญญาณว่าอัตราดอกเบี้ยจะเริ่มปรับตัวลง ขณะที่ธนาคารกลางสำคัญยังไม่มีท่าทีว่าจะกลับมาให้ความสำคัญกับตลาดทุน เพราะยังต่อสู้กับแนวรับแรกนั่นก็คือ อินเทเฟชั่นความเสี่ยงของตลาดจะอ่อนตัวลงไปอีก อีกเรื่องที่ต้องระวังคือการอ่อนค่าของเงินในกลุ่มอีเมอร์ จิ้งมาร์เก็ต เมื่อเทียบกับค่าของดอลลาร์ ทำให้ประเทศที่มีหนี้สกุลเงินดอลลาร์สูงอาจจะมีปัญหาได้ แต่บ้านเราหนี้ที่เป็นสกุลเงินตราต่างประเทศต่ำมาก เพราะส่วนใหญ่หนี้ของรัฐบาลจะเป็นการกู้ภายในประเทศ คือ เป็นหนี้สกุลเงินบาทเป็นหลักก็เลยไม่น่าจะได้รับผลกระทบอย่างหนักเท่ากับประเทศที่มีหนี้เป็นเงินสกุลดอนลาร์  ที่นี่เมื่อวานเองก็ปรับตัวลงไป 30 จุด ตัวที่ทำให้มีการขับเคลื่อนปรับตัวลงคืออะไร ก็คือ DELTR ELECTRONICS ปรับตัวลงไป หุ้น DELTR ปรับตัวลดลงไปติดลบไป 10.5% ไปปิดที่ราคาเมื่อวานนี้ 72 บาทสลึง ต่ำสุดในรอบ 6 เดือน ส่วนภาพรวมถือว่าตลาดอ่อนแอเพราะแรงซื้อก็หายไป แรงกดดันจากการหุ้นไทยร่วงทำจุดต่ำสุด นักลงทุนบางส่วนก็ใช้กลยุทธ์ช๊อต อะเกนพอร์ต (Short Against Port) เป็นต้นเพราะ ที่นี่ถ้าไม่รวมผลกระทบจาก DELTR ดัชนีเซ็ทเมื่อวานนี้ก็จะติดลบประมาณ 1.4 […]

ราคาทองคำและเงินบาท ประจำวันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม 2566

ทองคำสปอตปิดตลาดเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ในช่วงวันราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องขึ้นไปแตะจุดสูงสุดที่ 1,993 ดอลลาร์ แต่ว่าช่วงกลางคืน มีแรงเทขายออกมาหลังจากที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 ออกมาแข็งแกร่งมาก  สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางก็ยังคุกรุ่นอยู่แต่ว่าอิสราเอลบอกว่าอาจจะชะลอการโจมตีภาคพื้นดินในฉนวนกาซา เพื่อกวาดล้างกลุ่มฮามาส ส่วนสหรัฐเปิดเผยจีดีพีไตรมาส 3 ออกมาแข็งแกร่งมากเพิ่มขึ้น 4.9% เป็นการขยายตัวแข็งแกร่งที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี และมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัว 4.5%  เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นกดดันราคาทองคำ ทำให้ตลาดประเมินว่าเฟด อาจจะต้องตรึงดอกเบี้ยระดับที่สูงยาวนานมากขึ้น ส่วนกองทุน SPDR ถือครองทองคำเท่าเดิม  คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาพีซีอีพื้นฐาน ตัวนี้เป็นอัตราเงินเฟ้อเป้าหมายที่ เฟด ใช้มองว่าต้องต่ำกว่า 2% ให้ได้ เดือน กันยายนตลาดคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 3.7% เมื่อเทียบรายปี ตัวเลขดูเหมือนลดลงเพราะว่า เดือน สิงหาคม 3.9% แต่ถ้าเทียบรายเดือนจะเร่งตัวสูงขึ้นตลาดคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% จากที่ เดือน สิงหาคม เพิ่มขึ้น 0.1% ถ้าเกิดตัวชะลอตัวลงก็อาจจะช่วยหนุนราคาทองคำได้บ้าง  แนวโน้มราคาทองคำทางด้านเทคนิคมองว่าเคลื่อนไหวลักษณะที่น่าจะเป็นไซต์เวย์อัพ แต่เชื่อว่าในช่วงระหว่างวันอาจจะเคลื่อนไหวในกรอบที่ค่อนข้างจะแคบอยู่ กรอบการเคลื่อนไหว 1,970 ดอลลาร์ ถึง 1,990 ดอลลาร์ ขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,990 ดอลลาร์ ผ่านขึ้นไปได้แนวต้านสำคัญยังอยู่ที่ 2,000 ดอลลาร์ แนวรับ 1,970 ดอลลาร์ และ 1,960 ดอลลาร์ สำหรับราคาทองแท่งของสมาคมเมื่อวานปรับเปลี่ยน 4 ครั้ง ขายออกช่วงเย็น 34,150 บาท เพิ่มขึ้น 400 บาท เห็นราคาทองคำที่ 34,000 บาท ถือว่าเป็นราคาที่ค่อนข้างสูงทีเดียว  แนวรับ 33,900 บาท และ 33,800 บาท แนวต้าน 34,100 บาท และ 34,200 บาท  สำหรับกลยุทธ์การลงทุนก็ถ้ามีอยู่แนะนำขายทำกำไรบางส่วน ถ้าทองคำสปอร์ตส์เข้าใกล้ 2,000 ดอลลาร์ เพราะว่าสัปดาห์หน้าจะมีการประชุม เฟด รออยู่ด้วย ก็จะเป็นปัจจัยที่ทำให้ทองคำอาจจะมีความผันผวนได้ ส่วนการลงทุนในโกลด์ฟิวเจอร์เน้นฝั่งซื้อเป็นหลัก เก็งกำไรได้ถ้าทองคำสปอต 1,960 ดอลลาร์ คัทลอส 1,950 ดอลลาร์ โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์ส เก็งกำไรฝั่งซื้อที่ 1,980 ดอลลาร์ คัทลอส 1,970 ดอลลาร์ สำหรับท่านที่ถือโกลด์ฟิวเจอร์ โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์ แนะนำคล้ายๆ กันว่าอาจจะขายทำกำไรบางส่วนก็ได้ถ้าทองคำสปอร์ตเข้าใกล้ 2,000 ดอลลาร์ ในส่วนของเงินบาทปิดตลาดช่วงกลางคืน เคลื่อนไหวค่อนข้างจะทรงตัว […]

เชียงใหม่มีรถไฟฟ้าแล้วกี่คัน ? เจาะแนวโน้ม EV ไทย ปี 66-67

ยุคนี้ เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงเทคโนโลยียานยนต์  สังเกตได้ว่า 2-3 ปีที่ผ่านมา เราจะเริ่มเห็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ  Electric Vehicle บนท้องถนนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นที่กรุงเทพมหานคร หรือแม้แต่เชียงใหม่ของเราเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากการเข้ามาของแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนและสหรัฐฯ ประกอบกับเทรนด์การรักษาสิ่งแวดล้อม ที่ถูกพูดถึง จนกลายเป็นกระแสหลักในสังคมไปแล้ว ยิ่งทำให้หลายคนที่จะออกรถใหม่ สนใจรถไฟฟ้ามากขึ้น ก่อนจะไปถึงลำดับถัดไป เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า “อะไรคือรถไฟฟ้า ( EV )” ? จากข้อมูลของสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย รถยนต์ไฟฟ้า คือ รถยนต์ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนอย่างเดียว หรือใช้เครื่องยนต์เผาไหม้ร่วมกันมอเตอร์ไฟฟ้า ทั้งในส่วนของการขับเคลื่อน และผลิตพลังงานไฟฟ้าสะสมในแบตเตอรี่ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงรถยนต์ที่ใช้ก๊าซไฮโดรเจนในการผลิตพลังงานไฟฟ้าเพื่อการขับเคลื่อนอีกด้วย รถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบัน แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด ซึ่งใช้เชื้อเพลิงร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน , รถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด ที่สามารถใช้พลังงานจากไฟฟ้าและเชื้อเพลิงคล้ายกับรถยนต์ไฮบริด แต่สามารถชาร์จไฟฟ้าเก็บไว้ในรถยนต์เพื่อขับเคลื่อนมอเตอร์ได้ , รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว และรถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง เช่นรถยนต์พลังงานไฮโดรเจน เป็นต้น สำหรับสถานการณ์รถยนต์ไฟฟ้าในไทย สำนักข่าว […]

ราคาทองคำและเงินบาท ประจำวันพุธที่ 25 ตุลาคม 2566

ราคาทองคำปรับตัวลงเนื่องจากแรงเทขายทำกำไร ราคาทองคำสปอตปรับตัวลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 เนื่องจากแรงเทขายทำกำไรหลังจากที่ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 10% ภายใน 2 สัปดาห์จากประเด็นสงครามระหว่างอิสราเอลและฮามาส ปิดตลาด เมื่อคืน 1,970 ดอลลาร์ ลดลงไปเพียง 1.6 ดอลลาร์ สถานการณ์ในตะวันออกกลางยังตึงเครียดอยู่ในอิสราเอลบอกว่าเตรียมเทียบโจมตีภาคพื้นดินเพื่อกวาดล้างกลุ่มฮามาส ก่อนหน้านี้ก็มีการโจมตีภาคอากาศอย่างหนักหน่วงอยู่  ส่วนเมื่อคืนสหรัฐเปิดเผยดัชนี PMI ภาคการผลิต และภาคการบริการ เดือน ตุลาคม ออกมาดีเกินคาดทั้ง สองตัว ดัชนีการผลิต PMI เดือนตุลาคม ออกมาเพิ่มขึ้นเป็น 50 ขณะที่ตลาดประเมินว่าจะออกมาลดลงเหลือ 49.5 ดัชนี PMI ภาคการบริการ เดือน ตุลาคม ออกมาเพิ่มขึ้นเป็น 50.9 สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะออกมาลดลงเหลือ 49.9 เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น กองทุน SPDR เมื่อวานนิ่งถือครองเท่าเดิม ประเด็นที่ต้องติดตามแน่นอนเรื่องสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางติดตามกันต่อไป คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่ เดือน กันยายน ตลาดประเมินว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 678,000 ยูนิต แนวโน้มราคาทองคำทางด้านเทคนิคถ้าดูกราฟแท่งเทียนจะเห็นว่า แรงซื้อ แรงขาย พอๆกัน ดังนั้นแนวโน้มราคาทองคำก็น่าจะเคลื่อนไหวลักษณะที่เป็นไซต์เวย์ อาจจะไม่ได้เคลื่อนไหวแบบหวือหวามากอันนี้คือทางเทคนิค นอกจากพื้นฐานจะมีปัจจัยอะไรที่รุนแรงเข้ามา ดังนั้นก็มองว่ากรอบการเคลื่อนไหวก็คงจะอยู่ประมาณ 1,950 ถึง 1,980 ดอลลาร์ แนวรับ 1,950 ดอลลาร์น่าจะรับอยู่ แต่ถ้าเกิดรับไม่อยู่ก็อาจจะหลุดลงมาแล้วก็จะมีแรงเทขายพอสมควรทีเดียว แนวรับสำคัญถัดไป 1,930 ดอลลาร์ เป็นแนวรับของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน ส่วนแนวต้าน 1,980 ดอลลาร์ และแนวต้านสำคัญ 2,000 ดอลลาร์ สำหรับราคาทองแท่งของสมาคมเมื่อวานปรับเปลี่ยน 4 ครั้ง ขายออกช่วงเย็น 33,700 บาท ลดลง 50 บาทประเด็นหลักๆ ก็มาจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นด้วย รวมทั้งราคาทองตลาดโลกที่ปรับตัวลง  แนวรับ 33,600 บาท และ 33,400 บาท แนวต้าน 33,850 บาท และ 34,050 บาท สำหรับการลงทุนถ้าเป็นการลงทุนระยะสั้นเจาะเทรดดิ้งตามกรอบประมาณ 1,950 ดอลลาร์ ถึง 1,980 ดอลลาร์ ได้ คือเขาซื้อเก็งกำไรที่ 1,950 ดอลลาร์ แล้วก็ขายทำกำไรที่ 1,980 ดอลลาร์ ขึ้นไป  ส่วนการลงทุนถ้าเกิดคิดว่าอยากจะขายทำกำไรออกมาดีมั้ยถ้าเห็นใกล้ๆ ประมาณ 1,980 ดอลลาร์ แล้วก็ประมาณ 2,000 ดอลลาร์ น่าจะเป็นจุดที่ขายทำกำไรออกมาดีกว่า ส่วนการลงทุนในโกลด์ฟิวเจอร์เก็งกำไรฝั่งซื้อที่ 1,950 ดอลลาร์ คัทลอส1,910 ดอลลาร์ โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์ซื้อเก็งกำไรที่ 1,975 ดอลลาร์ คัทลอส 1,965 ดอลลาร์ […]

1 2 3 4 5 6 24