กลิ่นตัวแรง! แก้ได้ อย่ามัวช้า

กลิ่น ถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของเราได้เป็นอย่างดี อย่างเช่นเพื่อนที่ทำงานชอบฉีดน้ำหอมกลิ่นนี้ หากเขามาใกล้ เราจะจำได้เองว่าคือใคร แต่หากเรามีกลิ่นตัว หรือกลิ่นไม่พึ่งประสงค์ คนรอบข้างขยับตัวออกห่าง หรือเอามือปิดจมูก จนเราเสียความมั่นใจไปได้ และยิ่งเราพรมน้ำหอมต่างๆลงไป ยิ่งทำให้ผลลัพธ์แย่ลง

วันนี้ “เชียงใหม่นิวส์” จะมาเล่า วิธีการระงับกลิ่นตัว ให้ฟัง

กลิ่นตัวคืออะไร

คือ กลิ่นเหม็น หรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ เป็นผลมาจากต่อมเหงื่อที่ทำงานมากขึ้น เพื่อควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย ทำให้ร่างกายขับเหงื่อออกมาก โดยเฉพาะบริเวณรักแร้ ฝ่ามือ เท้า หรือขาหนีบ เมื่อเหงื่อสัมผัสกับเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนัง จึงทำให้เกิดกลิ่นตัว หรือกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ขึ้น สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งเพศหญิง และชาย แต่เพศชายจะมีกลิ่นที่ค่อนข้างแรงกว่า เพราะในเพศชายมีต่อมเหงื่อที่เยอะกว่า และรักษาความสะอาดได้ไม่ดีเท่ากับเพศหญิง

กลิ่นไม่พึ่งประสงค์ ที่ไม่มีใครต้องการ

สาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่นตัว

การเกิดกลิ่นตัว เกิดขึ้นจากเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่ฝังตัวอยู่ตามบริเวณที่กล่าวมา แล้วไปทำปฏิกิริยากับต่อมเหงื่อ 2 ต่อม คือ ต่อมเหงื่อ Eccrine และต่อมเหงื่อ Aprocrine ด้วยการย่อยสลายเหงื่อเอง จนทำให้เกิดเชื้อรา และกรดไขมัน เป็นเหตุให้เกิดความอับชื้น และเกิดกลิ่นตามมา

อากาศร้อน หนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดกลิ่นไม่พึ่งประสงค์

ต่อมเหงื่อ Eccrine และต่อมเหงื่อ Aprocrine คืออะไร

1.ต่อมเหงื่อ Eccrine เป็นการขับเหงื่อจากร่างกาย เพื่อลดอุณหภูมิที่สูงขึ้นอย่างฉับพลัน เช่น การออกกำลังกาย การอยู่ในที่เบียดเสียด หรืออยู่ในที่ที่มีอากาศร้อน การขับเหงื่อประเภทนี้ เป็นการขับเหงื่อทั่วทั้งร่างกาย ไม่เว้นแม้กระทั่งเท้า แต่ถึงเหงื่อจะออกมากเท่าไรก็ไม่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ เว้นเสียแต่จะมีกลิ่นอับชื้นตามมา จึงเรียกได้ “ต่อมเหงื่อชนิดที่ไม่มีกลิ่น”

2.ต่อมเหงื่อ Aprocrine เป็นการผลิตเหงื่อโดยตรง บริเวณข้อพับทั้งหลาย เช่น รักแร้ ข้อพับขา ข้อมือ ท้ายทอย อวัยวะเพศ เหงื่อที่ผลิตจากส่วนนี้ จะมีส่วนผสมของไขมัน และโปรตีน จึงทำให้เกิดปฏิกิริยากับเชื้อแบคทีเรียได้ง่าย และเกิดเป็นกลิ่นตัวขึ้นมา ยิ่งทานอาหารที่มีกลิ่นจัด ๆ ก็จะพบว่ากลิ่นตัวในวันนั้น ๆ จะรุนแรงขึ้นกว่าเดิม เรียกได้ว่า “ต่อมเหงื่อที่มีกลิ่น”

ปัจจัยที่ทำให้เกิดกลิ่นตัว

1.เชื้อชาติ จะพบว่าชาวยุโรป และชาวอินเดีย มีกลิ่นตัวที่แรงกว่าชาวเอเชีย และคนผิวสีจะมีกลิ่นตัวแรงกว่าคนผิวขาว เนื่องจากมีพันธุกรรมที่เหงื่อจากต่อมเหงื่อของคนผิวสี มีความรุนแรงกว่าคนผิวขาว

2.อาหารรสจัด ไม่ว่าจะเป็นเผ็ดจัด เค็มจัด เปรี้ยวจัด อาหารที่มีส่วนผสมของเครื่องเทสเยอะ ๆ หรือเครื่องเทศกลิ่นแรง

3.ฮอร์โมน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงวัยรุ่นจะมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ที่มีผลต่อการเกิดกลิ่นตัวได้มาก ซึ่งสาเหตุนี้จะมีน้อยลงเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น

4.สภาพอากาศร้อน หรือร้อนชื้น ทำให้เชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังเพิ่มจำนวนมากขึ้น และเป็นสาเหตุทำให้เกิดกลิ่นตัวได้ง่าย และรุนแรง

อาบน้ำ สระผม ทาโรออน หรือสารส้มทุกครั้งหลังออกกำลังกาย

10 ทริคระงับกลิ่นตัว

1.อาบน้ำ และใช้สบู่ที่ลดกลิ่นกาย ควรเลือกสบู่ที่มีสรรพคุณตรงกับที่คุณต้องการ และคุณควรอาบน้ำวันละ 2 ครั้ง เพื่อไม่ให้กลิ่นเหงื่อหมักหมมในร่างกาย
2.สระผมหลังจากออกกำลังกาย เมื่อเราออกกำลังกาย เราจะมีเหงื่อในทุกส่วนไม่เว้นแม้แต่บริเวณผม
3.ใส่เสื้อผ้าเนื้อโปร่ง เหงื่อและกลิ่นตัว จะแปรผันตามเสื้อผ้าที่เราใช้ ยิ่งหนา ยิ่งอับ ยิ่งชื้น
4.หมั่นกำจัดขนใต้วงแขน ยิ่งมีขนใต้วงแขน ยิ่งเสี่ยงต่อการสะสมของแบคทีเรีย
5.อย่าใช้กลิ่นน้ำหอมแบบผสม หมายถึงถ้าใช้โรออนที่มีกลิ่น ก็ไม่ควรใช้น้ำหอม เพราะกลิ่นจะตีกัน
6.ใช้สารส้ม สำหรับใครที่ชอบการฉีดน้ำหอม สารส้มถือเป็นตัวเลือกดี ๆ เพราะนอกจากจะลดกลิ่นไม่พึงประสงค์แล้ว กลิ่นยังไม่ตีกับน้ำหอมด้วย
7.พกทิชชู่เปียก พอเหงื่ออกมาก ให้หาโอกาสเข้าห้องน้ำ แล้วใช้ทิชชู่เปียกเช็ด ถ้าเราพกโรออนหรือสารส้มด้วย ยิ่งลดกลิ่นดี
8.สครับผิวระหว่างอาบน้ำ เพื่อขจัดขี้ไคล และเซลล์ผิวที่ตายแล้ว รวมถึงกำจัดแบคทีเรียบางส่วนออกจากผิว ควรทำอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง
9.การฉีดโบท็อก สำหรับใครที่เหงื่อออกมากจนใช้อะไรก็ไม่ได้ผล แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง หรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อทำการฉีดโบท็อกซ์ลดเหงื่อ แต่จะต้องฉีดซ้ำเรื่อย ๆ ทุก 3 – 6 เดือน ซึ่งมีราคาทำต่อครั้งค่อนข้างสูง
10.เลเซอร์กำจัดกลิ่นถาวร การกำจัดกลิ่นตัวแบบถาวรด้วยเทคโนโลยี miraDry ถือว่าเป็นทางออกที่ดีวิธีหนึ่ง เพราะทำลายทั้งต่อมเหงื่อ และต่อมกลิ่นบริเวณรักแร้โดยเฉพาะ ทั้งมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และลงทุนเพียงครั้งเดียว

นวัตกรรมทางการแพทย์ที่กำจัดกลิ่นตัวอย่างถาวร rtrt

สรุป

เรื่องกลิ่นตัวเป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้เลย หากกลิ่นที่ออกมาจากร่างกายเป็นกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์แล้ว คงสร้างความลำบากใจให้ทั้งคนที่อยู่รอบข้าง และเจ้าของกลิ่นได้ไม่น้อย เพราะฉะนั้นลองนำวิธีเหล่านี้ไปใช้ และถ้ายังไม่ได้ผลจริง ๆ แนะนำให้เข้ารับการรักษาจากทางการแพทย์จะดีที่สุดค่ะ

เรียบเรียงโดย : “เชียงใหม่นิวส์”

อ้างอิงข้อมูลจาก

www.pobpad.com
www.sanook.com
www.honestdocs.co
www.sistacafe.com
www.spiceee.net
www.health-de.com

บทความที่เกี่ยวข้อง

โรคซึมเศร้าคืออะไร? ทำไมใครๆก็เป็น

อารมณ์ขึ้นๆลงๆ นี่เรากำลังเป็นโรคไบโพลาร์รึเปล่า?

ฟันผุก่อมะเร็ง! ต้องรีบรักษา อย่าทิ้งไว้นาน

สงสัยจะมีปัญหากับโพรงจมูก “ไซนัส” ร้ายแรงกว่าที่คิด เป็นแล้วเป็นอีกได้!!!

สดชื่น! 5 วิธีป้องกันและสลัดอาการเมาค้างหลังปาร์ตี้

โซเดียมสูง! เสี่ยงโรค ปรับวิถีการกินเลี่ยงเกิดโรคเต้าหู้ ประโยชน์ล้นตัว อย่ามัวเมิน

เต้าหู้ ประโยชน์ล้นตัว อย่ามัวเมิน

น้ำผึ้งแท้ คุณค่า และโทษที่มาจากธรรมชาติ

บร็อคโคลี่ ประโยชน์เยอะ ดังยาอายุวัฒนะ

ผลชูรสแท้ กินได้ไม่มีโรค คนส่วนใหญ่เข้าใจผิด

ถั่วเหลือง…สุดยอดธัญพืชต้านโรค

“บะคกรก” ผลไม้ที่มีประโยชน์สูง

ร่วมแสดงความคิดเห็น