แคท

เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธวัช จรัสวรภัทร นายอำเภอเชียงคำ พร้อมด้วยภริยาและเจ้าหน้าที่อำเภอ กำนัน – ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ อ.เชียงคำ ได้ให้การต้อนรับนายสมนึก สิงคำ เจ้าเมืองคอบ สมัคร ลิดสถาน รองเจ้าเมืองคอบ แขวงไชยบุรี สปป.ลาว รวมทั้งคณะส่วนราชการที่ติดตามมาเกือบ 70 คน ภายในพื้นที่ แมลงปอฮอร์แอนด์การ์เด้นท์ ต.เชียงบาน อ.เชียงคำ จ.พะเยา โดยการเดินทางมาครั้งนี้เป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ที่ดีของระหว่างทั้ง 2 ประเทศอีกด้วย ทั้งนี้ทางนายอำเภอเชียงคำได้มีการกล่าวต้อนรับทางคณะ สปป.ลาว ภายในห้องประชุม ก่อนที่จะมีการแข่งขันกีฬาทั้งฟุตบอลและเปตองในเวลาต่อมา นายธวัช กล่าวว่า สำหรับการเดินทางมาครั้งนี้ของทางเจ้าเมืองคอบนั้นตนมองว่าเป็นเรื่องของการที่เราจะเชื่อมความสัมพันธ์ที่ดีให้แน่นแฟ้นขึ้น ซึ่งพื้นที่ของจ.พะเยาโดยเฉพาะ อ.ภูซางถือว่าเป็นอำเภอหน้าด่านที่มีการค้าขายในแนวชายแดนรวมทั้ง ด้านอื่น ๆ ทั้งนี้ในส่วนของ อ.เชียงคำนั้นถือว่าเป็นเมืองหลักอีกเมืองที่ทางประชาชนในพื้นที่ของ แขวงไชยบุรี สปป.ลาว ได้เดินทางมาค้าขาย รวมทั้งการเดินทางมาใช้บริการทางการแพทย์อีกด้วย สำหรับการใช้กีฬาเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์นี้ก็ถือว่าเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้ทั้ง 2 ประเทศมีความรู้จักสนิทสนมมากขึ้นด้วย อีกทั้งยังเป็นการพูดคุยแลกเปลี่ยนในเรื่องของเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศ อีกทั้งยังเป็นการแลกเปลี่ยนในส่วนของวัฒนธรรมที่ดีและมีมาแต่ยาวด้วยเช่นกัน […]

เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.67 ในช่วงนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูฝนในหลายจังหวัดรวมทั้ง จ.พะเยา ด้วยซึ่งก็พบว่าในหลายพื้นที่รวมทั้ง อ.เชียงคำ ได้มีการเปิดปัญหายุงลายชุกชุมตามหมู่บ้านเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ทางผู้นำชุมชนและเจ้าหน้าที่ อสม.ได้มีการประชุมวางแผนก่อนลงมือกำจัดลูกน้ำยุงลายที่เป็นพาหะนำโรคไข้เลือดออกมาสู่ชาวบ้านในทุกวัย โดยครั้งนี้ทั้งทาง ต.น้ำแวน ต.ฝายกวาง ต.เวียงและ ต.หย่วนของ อ.เชียงคำ ทางเจ้าหน้าที่ อสม.รวมทั้งผู้นำชุมชนก็ได้ลงพื้นที่เพื่อจัดการปัญหายุงลายที่อาจจะเกิดขึ้นในหมู่บ้านทั้งในเรื่องการโรยทรายอะเบท การพ่นหมอกควัน การคว่ำภาชนะที่มีน้ำขังเพื่อเป็นการตัดตอนไม่ให้เกิดลูกน้ำยุงลาย จนกลายมาเป็นยุงลายได้ในที่สุดเช่นกัน นางเทียมจันทร์ มังคลาด นายก อบต.น้ำแวน ได้กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝนทำให้ในหลายพื้นที่ของ ต.น้ำแวนนั้นเกิดภาวะยุงลายบุกบ้านเรือนของชาวบ้านขึ้น ทำให้ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ อสม.รวมทั้งผู้นำชุมชนในหลายพื้นที่ ต้องออกมาใช้เกมส์รุกโดยจำกัดลูกน้ำยุงลายทั้งในเรื่องของการโรยทรายอะเบท การพ่นหมอกควัน ซึ่งอย่างน้อยก็เพื่อเป็นการตัดตอนวงจรที่ทำให้เกิดยุงลายภายในหมู่บ้านด้วย นอกจากนี้ในหลาย อปท.ยังมีการร้องไขเครื่องมือจากพ่นหมอกควันจากหน่วยงานของตน ซึ่งตนเองก็พร้อมที่จะช่วยเหลือเต็มที่ในการให้ยืมทั้งเครื่องมือและกำลังพล เพราะเห็นว่าบางพื้นที่เครื่องมืออย่างเครื่องพ่นหมอกควันกำจัดยุงลายก็มีไม่มาก ทั้งนี้ทาง อบต.น้ำแวน ก็จัดสรรให้ซึ่งอย่างน้อยก็ทำให้ในหลายพื้นที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วด้วยเช่นกัน นายธวัช จรัสวรภัทร นายอำเภอเชียงคำ ได้กล่าวเสริมว่า ปัญหายุงลายนั้นเป็นปัญหาใหญ่ในช่วงฤดูฝนของทุกพื้นที่ หากไม่มีการจัดการที่ดีแล้วชาวบ้านที่อาศัยอยู่ภายในหมู่บ้านก็จะได้รับความเดือดร้อนรวมทั้งโรคภัยไข้เจ็บก็จะเข้ามารุมเร้าด้วยเช่นกัน ซึ่งตรงนี้ตนเองเป็นห่วงเด็ก ๆ ที่วัยกำลังกินกำลังนอน เพราะภูมิต้านทานในร่างกายยังไม่แข็งแรง และหากไม่มีการจัดการเรื่องยุงลายในหมู่บ้านก็อาจจะทำให้ตัวของเด็ก ๆ นั้นเกิดโรคไข้เลือดออกและเสียชีวิตได้ในที่สุด

ปภ.พะเยา รุกเข้มจัดแคมเปญสวมหมวกกันน็อค 100 เปอร์เซ็นต์ หวังสร้างวินัยจราจรที่ดี พร้อมหวังลดปัญหาเสียชีวิตบนท้องถนน เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.67 ภายในพื้นที่ศูนย์ราชการศาลากลาง จ.พะเยา ทางเจ้าหน้าที่ภาครัฐได้มีการรณรงค์ให้ทุกคนหันมาสวมหมวกนิรภัยกันมากขึ้น โดยพบว่าสถิติของการเสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์นั้นมากกว่ารถชนิดอื่น ๆ ทำให้หลายฝ่ายเร่งประชุมหารือเพื่อรณรงค์ในเรื่องอุบัติเหตุบนท้องถนนให้ลดน้อยลงแบบต่อเนื่องให้ได้ ซึ่งล่าสุดในช่วงระยะเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในทุกอำเภอก็ได้มีการตั้งด่านกวดขันวินัยจราจรด้วย รวมทั้งทางพื้นที่ทางราชการก็ได้มีการบังคับใช้ด้วยเช่นกัน นายยศกร สุขสอาด หน.ปภ.จ.พะเยา ได้กล่าวว่า ในพื้นที่ จ.พะเยาของทั้ง 9 อำเภอพบว่าสถิติของผู้เสียชีวิตบนท้องถนนจากการไม่สวมหมวกนิรภัยนั้นมีมากถึง 51.77 % ซึ่งมากกว่ายานพาหนะอื่น ๆ ทั้งนี้ตนมองว่าหากไม่เริ่มที่จะแก้ไขวินัยจราจรของชาวบ้านรวมทั้งการรณรงค์ป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดบนท้องถนนแล้วนั้น จะทำให้สิ่งที่ตามมาคือการสูญเสียซึ่งไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นด้วย ทั้งนี้จากการเดินเรื่องกิจกรรมรณรงค์นี้ก็พบว่าในหลายภาคส่วนเริ่มมีการปรับตัวขึ้นรวมทั้งชาวบ้านที่มาใช้บริการสถานที่ราชการรวมทั้งบนท้องถนนได้สวมหมวกนิรภัยมากขึ้น แต่ก็ยังพบว่าเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานบางหน่วยงานยังคงไม่สนใจเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนน ซึ่งหลังจากนี้จะไม่ได้การประชุมหารือเพื่อบังคับใช้ให้เข้มข้นขึ้นต่อไป พล.ต.ต.พิทักษ์ นาสมวาส ผบก.ภ.จว.พะเยา ได้กล่าวเสริมว่า ในด้านของตำรวจนั้นตนได้สั่งการในเรื่องของการตั้งด่านกวดขันวินัยอย่างต่อเนื่องแล้ว เพราะเห็นว่าหากปล่อยไว้ไม่กวดขันเลยก็จะทำให้ประชาชนในพื้นที่ จ.พะเยาทั้ง 9 อำเภอได้รับอันตรายที่อาจจะคาดไม่ถึงบนท้องถนนด้วยเช่นกัน และในเรื่องของการตั้งด่านกวดขันวินัยจราจรนั้นหากชาวบ้านทำตามกฎแล้วนั้นทางตำรวจก็จะได้สบายใจรวมทั้งยังเป็นการทำงานที่ง่ายขึ้นในพื้นที่นั้น ๆ อีกด้วยเช่นกัน

เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเสาร์ – อาทิตย์ที่ผ่านมา พบว่านักท่องเที่ยวและชาวบ้านจำนวนมาก ต่างเดินทางเข้าทำการขอพรและขอโชคลาภกับองค์ท้าวเวสสุวรรณ ภายในบริเวณวัดป่าพุทธชินวงศาราม(ม่อนพญานาค) ตำบลห้วยแก้ว อำเภอภูกามยาว จังหวัดพะเยา ในช่วงวันหยุดซึ่งตรงกับวันหวยออกในวันนี้กันอย่างคึกคัก จึงทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวและไหว้พระบริเวณที่วัดป่าพุทธชินวงศาราม(ม่อนพญานาค) มีนักท่องเที่ยวและผู้เดินทางมาพักผ่อนในช่วงวันหยุดเดินทางมาเข้าสักการะขอพรบริเวณสถานที่สำคัญของวัด ที่ได้จัดสร้างขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ นอกจากนั้นยังมีความเชื่อในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์องค์ท้าวเวสสุวรรณในสถานที่ดังกล่าว เนื่องจากผู้ที่เดินทางมาขอพรประสบผลสำเร็จถูกรางวัลที่ 1 กันถึงสองครั้งจนเป็นที่โจษขานของชาวบ้านและนักท่องเที่ยว โดยในวันนี้จึงได้มีผู้คนเดินทางเข้าทำการขอพรและร่วมทำบุญตลอดจนถึงเข้าสักการะสถานที่สำคัญที่มีความสวยงามอลังการของวัดป่าพุทธชินวงศารามหรือม่อนพญานาคดังกล่าว เจ้าหน้าที่ภายในวัดรายหนึ่งได้เปิดเผยว่า สำหรับวัดวัดป่าพุทธชินวงศาราม(ม่อนพญานาค) เป็นวัดที่ได้ถูกจัดสร้างขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ โดยมีองค์พญานาคล้อมรอบบริเวณภูเขากว่า 900 เมตรโดยภายในลำตัวเป็นห้องปฏิบัติธรรมทั้งหมด 111 ห้อง นอกจากนั้นยังเป็นที่ประดิษฐานขององค์พระพุทธรูปหลากหลายที่ได้จัดสร้างขึ้นอย่างสวยงามและอลังการ และถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดพะเยา นอกจากนั้นในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ขององค์ท้าวเวสสุวัณ ยิ่งทำให้นักท่องเที่ยวและชาวบ้านต่างเดินทางเข้าทำการท่องเที่ยวกันอย่างเนืองแน่นโดยเฉพาะวันหวยออกและวันหยุด ด้านพระครูอภิรักษ์ชินวงศ์ รักษาการเจ้าอาวาสวัดม่อนพญานาค ได้กล่าวเสริมว่า สำหรับวัดแห่งนี้อาตมาได้ทำการก่อสร้างและขยับทุกจุดให้ดูสวยงามขึ้น พร้อมทั้งบางจุดยังมีเรื่องเล่าลี้ลับที่หลายคนชอบมาสอบถามอีกด้วย และสำหรับวัดแห่งนี้อาตมาเคยคิดว่าการสร้างวัดน่าจะแล้วเสร็จภายใน 7 ปี แต่นานวันเข้ากลับพบว่าเวลาในการก่อสร้างนั้นเริ่มยาวขึ้นเรื่อย ๆ เพราะสิ่งที่ลี้ลับได้มาเข้าฝันเพื่อเปลี่ยนจุดก่อสร้างและแก้ไขอยู่ประจำ ทั้งนี้ก็เพราะคงอยากให้ทุกจุดนั้นสวยงามอีกทั้งยังเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวรวมทั้งผู้ที่สนใจมาปฏิบัติธรรมนั้นได้เดินทางเข้ามาอย่างมาขึ้นด้วยเช่นกัน และที่สำคัญวัดแห่งนี้ก็จะกลายเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งใน จ.พะเยา เพราะจะเห็นได้ว่าพื้นที่ตรงนี้มีพญานาคองค์ใหญ่ที่โอบล้อมเขาลูกนี้แห่งเดียวของ จ.พะเยาด้วยเช่นกัน