(มีคลิป) เปิดใจเจ้าของร้านกรอบรูป หลังทำภาพวาดหาย เร่งติดตามภาพคืน

วันที่ 21 ม.ค. 63 รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีที่ได้มีสมาชิกผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ใช้ชื่อว่า “Pitchaya Jaidee” โพสต์ภาพและข้อความเพื่อติดตามหาภาพงานศิลปะที่หายไป ภายหลังจากที่เจ้าตัวได้นำภาพไปเข้ากรอบที่ร้านแถวหน้าตลาดธานินท์ พร้อมทั้งระบุว่าภาพดังกล่าวได้หายไปจากร้าน ซึ่งทางเจ้าตัวได้ซื้อภาพดังกล่าวมาจากประเทศเนปาล มีมูลค่าถึง 600 US. หรือประมาณ 19,200 บาท พร้อมทั้งขอให้ทางร้านดังกล่าวรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จนกระทั่งในเวลาต่อมาได้มีผู้พบเห็นเรื่องราวโพสต์ดังกล่าว และได้มีการเข้ามาแสดงความคิดเห็น รวมทั้งวิพากษ์วิจารณ์ และแชร์เรื่องราวที่เกิดขึ้นออกไปเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้จากเหตุการณ์ดังกล่าวทางผู้สื่อข่าวได้มีการติดตามกรณีที่เกิดขึ้นจนกระทั่งทราบว่า ร้านทำกรอบภาพที่ปรากฎภายในโพสต์ คือ ร้าน “ศักดิ์สิทธิเฟรม” และได้ทำการติดต่อไปยังเจ้าของร้านดังกล่าวเพื่อสอบถามเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ โดยทาง นางมาลี ศักดิ์ชัยยันต์ อายุ 56 ปี เจ้าของร้าน ได้เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 ม.ค. 63 ที่ผ่านมา โดยลูกค้ารายนี้ได้นำชิ้นงานมาให้ทางร้านใส่กรอบ ซึ่งมีทั้งหมด 5 ชิ้นด้วยกัน ประกอบด้วยงานชิ้นเล็กจำนวน 4 ชิ้น และงานชิ้นใหญ่ ซึ่งเป็นภาพที่หายไปดังกล่าว 1 ชิ้น โดยในตอนแรกตนก็ไม่ทราบที่มาที่ไปของภาพทั้งหมด และได้สอบถามก็ทราบว่าทางเจ้าของภาพได้ซื้อภาพมาจากประเทศเนปาล โดยทางร้านได้นัดกำหนดรับงาน คือ วันที่ 12 ธ.ค. 62 แต่เมื่อถึงวันนัด ปรากฎว่าลูกค้าก็ไม่ได้มารับงาน และตนก็รู้สึกว่าเลยเวลานัดรับงานมานาน จนกระทั่งถึงวันที่ 18 ธ.ค. 62 ลูกค้าก็ยังไม่มารับงาน ตนจึงได้โทรศัพท์ติดต่อไปหาลูกค้า แต่ปรากฎว่าทางลูกค้าไม่รับสาย จนกระทั่งมาถึงวันที่ 24 ธ.ค. 62 ตนได้โทรศัพท์ติดต่อไปอีกครั้ง ซึ่งในครั้งนี้ลูกค้ารับสายและบอกว่าจะเข้ามาเอางาน แต่หลังจากนั้นก็ยังไม่มาเอา จนกระทั่งผ่านไปหลายวัน และวันที่ 4 ม.ค. 63 ลูกค้าถึงมาที่ร้านเพื่อรับงานดังกล่าว

ขณะเดียวกันในวันดังกล่าวที่ลูกค้ามารับงานนั้นพบว่าภาพเล็กทั้ง 4 ชิ้น ยังอยู่ครบ แต่งานชิ้นใหญ่หายไป และตนก็เพิ่งทราบว่าภาพดังกล่าวได้หายไปจากร้านเช่นกัน และเนื่องจากที่ร้านก็มีลูกค้าพอสมควร แต่ละวันลูกค้าเข้าออกตลอดเวลา รวมไปถึงก็เคยมีกรณีในลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นเช่นกัน แต่ก็ต้องใช้เวลาพอสมควร ซึ่งตนคาดว่ากรณีที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ก็น่าจะเป็นเช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก่อนที่อาจจะเป็นความผิดพลาดที่ลูกค้ารายอื่นหยิบภาพดังกล่าวสลับไป

นอกจากนี้หลังกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นทางร้านก็ไม่ได้นิ่งนอนใจและเดินทางไปแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ช้างเผือก หลังเกิดเรื่องเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน โดยในตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้มีการเรียกตนไปสอบปากคำ และดำเนินการตรวจสอบที่ร้านสถานที่เกิดเหตุ รวมไปถึงตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดต่าง ๆ ส่วนทางคู่กรณีได้มีการแจ้งลงบันทึกประจำวันไว้ด้วยเช่นกัน แต่จากการพูดคุยกับทางคู่กรณีก็อยากให้ทางร้านชดใช้เงินให้ โดยระบุมูลค่าภาพดังกล่าวที่ได้ซื้อมาในราคา 600 US. หรือประมาณ 19,200 บาท และมีค่าทางจิตใจ แต่ทางตนก็ได้มีการต่อรองเพราะมีราคาสูง และตนก็รู้สึกว่ามันยังอยู่ในระหว่างช่วงการติดตามหาของที่หายไป ซึ่งทางตนก็อยากขอเวลาและไม่อยากให้สรุปเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปก่อน ซึ่งในตอนนี้ทางร้านก็ได้พยายามติดตามหาภาพที่หายไปอยู่กับลูกค้าที่เคยมาใช้บริการ รวมไปถึงได้มีการติดป้ายประกาศหน้าร้านเพื่อให้ลูกค้าทราบ

อย่างไรก็ตามตนอยากฝากถึง ลูกค้าหรือใครที่ได้หยิบภาพดังกล่าวผิดไปหากทราบข้อมูลหรือเห็นภาพดังกล่าว หรือหากจะนำมาคืนแต่กลัวความผิดหรือไม่กล้านำมาคืนโดยตรงก็สามารถนำมาคืนในช่วงตอนกลางคืน หรือใส่ถุงห่อหุ้มนำมาวางไว้ที่หน้าร้านหากไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าได้เอาไป โดยตนยืนยันว่าคนที่เอาไปไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่ดำเนินคดีแต่อย่างใด เพียงทางร้านแค่ต้องการอยากได้ภาพดังกล่าวคืนเพื่อนำส่งกลับให้ลูกค้าคู่กรณีเพียงเท่านั้น

ขณะที่ทางด้าน นายอดิศักดิ์ ศักดิ์ชัยยันต์ อายุ 58 ปี กล่าวว่า ตนประกอบกิจการร้านมาประมาณ 30 กว่าปีแล้ว ไม่เคยมีพฤติกรรมทุจริตหรือขโมยชิ้นงานลูกค้าแต่อย่างใด และหลังจากที่เกิดกรณีดังกล่าวเผยแพร่บนโซเชียล ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปต่าง ๆ นานา แต่ก็มีลูกค้าที่เข้าใจตน รวมไปถึงโทรศัพท์มาหา นอกจากนี้ในโซเชียลก็มีคนคอมเมนต์โจมตีอย่างมาก แต่ตนก็ไม่ได้ใส่ใจและไม่อยากให้ฟังความเพียงข้างเดียว เนื่องจากที่ฝั่งคู่กรณีก็มีการโพสต์เรื่องราวลงโซเชียลไปแล้ว ส่วนผลกระทบที่เกิดขึ้นกับทางร้านก็ยังไม่มากนัก และก็มีลูกค้าเข้าใจ และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็กำลังเร่งช่วยเหลือดำเนินการติดตามให้อีกทางและทางตำรวจก็ยังไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด

ร่วมแสดงความคิดเห็น