(มีคลิป) กัลยาณิวัฒนา ขอความร่วมมือ งดเผาซางข้าวโพด

อำเภอนำร่อง นายอำเภอกัลยาณิวัฒนา ขอความร่วมมือผู้ประกอบการงดเผาซางข้าวโพด หวั่นกระทบสุขภาพ และการท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2565 เวลา 13:30 น. นายวรศักดิ์ พานทอง นายอำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ เชิญผู้ประกอบการรับซื้อและโม่ข้าวโพด ในพื้นที่ มารับทราบมาตรการป้องกันหมอกควันไฟป่า ของจังหวัดเชียงใหม่ และขอความร่วมมือผู้ประกอบการ ทุกแห่ง งดเผาซาวข้าวโพดอย่างเด็ดขาด เพื่อลดปัญหาหมอกควันและฝุ่น PM 2.5 ในพื้นจังหวัดเชียงใหม่ ณ ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอกัลยาณิวัฒนา

ทางนายวรศักดิ์ พานทอง นายอำเภอกัลยาณิวัฒนา กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า อำเภอกัลยาณิวัฒนา ได้เชิญหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานป่าไม้ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ เพื่อกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน บูรณาการป้องกันแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าตามมาตรการของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งปัจจุบันชาวบ้านได้หันมาปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่ เพิ่มมากขึ้น ในปี 65/66 มีเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียน ปลูกข้าวโพดประมาณ 10,000 ไร่ และที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนเกษตรกรอีกบางส่วน เมื่อเปรียบเทียบกับในอดีต ราษฎรส่วนใหญ่ทำไร่หมุนเวียนเป็นหลัก แต่เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจ และสังคมเปลี่ยนแปลงไป ชาวบ้านมีภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเพิ่มมากขึ้น เช่น ค่าไฟ ค่าน้ำมันรถ ค่าใช้จ่ายสำหรับการศึกษาของบุตรหลานฯลฯ ทำให้ไม่สามารถทำการเกษตรตามวิถีดั้งเดิมอย่างในอดีตได้ อีกทั้ง ที่ผ่านมาผลผลิตทางการเกษตรที่หน่วยงานภาครัฐส่งเสริม สนับสนุน ไม่สามารถจำหน่ายหรือเป็นที่ต้องการของตลาด เกษตรกรจึงหันไปปลูกพืชเชิงเดี่ยวที่สามารถจำหน่ายในตลาดได้ โดยเฉพาะข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่มีนายทุนหรือพ่อค้ามารับซื้อถึงในพื้นที่ ปัจจุบันพบว่ามีผู้ประกอบการหลายรายที่ตั้งจุดรับซื้อและโม่ข้าวโพดในพื้นที่ ซึ่งแต่ละแห่งจะมีเศษวัสดุซาวข้าวโพดหลงเหลืออยู่ หลายพื้นที่มีการกำจัดผิดวิธี เช่น ใช้วิธีการเผาซึ่งก่อให้เกิดมลพิษฝุ่นควันทางอากาศส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพและการท่องเที่ยว และผิดกฎหมายทางราชการ

ดังนั้น เพื่อสร้างความเข้าใจและความร่วมมือกันในการป้องกันและแก้ไขปัญหาทุกฝ่าย จึงได้เชิญผู้มีส่วนเกี่ยวข้องร่วมกันหารือและทำข้อตกลงบันทึกความร่วมมือร่วมกันโดยครั้งนี้ผู้ประกอบการในพื้นที่ทุกแห่ง พร้อมที่จะให้ความร่วมมือโดยจะนำวัสดุสั่งข้าวโพดนำไปอัดก้อนเพื่อไปจำหน่ายเป็นอาหารสัตว์หรือเก็บไว้ทำปุ๋ยหมัก หรือให้สัตว์เลี้ยงของราษฎรในพื้นที่ต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น