สถานการณ์ไฟป่าของ จ.แม่ฮ่องสอน ยังคงหนักอย่างต่อเนื่อง

จุดไฟป่าของเมืองแม่ฮ่องสอนมากสุดกว่าทุกอำเภอ ขณะที่ค่าฝุ่นพิษยังคงสูงเกินมาตรฐานอย่างต่อเนื่องไม่มีหยุด ขณะที่ ผวจ.คนใหม่สั่งเข้มพื้นที่แม่สะเรียงและสบเมยที่เกิดไฟป่าอย่างหนักในขณะนี้

เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2567 สถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองของ จ.แม่ฮ่องสอน ยังคงหนักอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดจุดไฟป่าของแม่ฮ่องสอน นำโด่งสูงถึง 1,479 จุด นำ อ.ปาย 1,466 จุด ส่วน อ.แม่สะเรียง 1,152 จุด ที่เหลือต่ำกว่า 1,000 จุด รวมจุดไฟป่าตั้งแต่ 1 ม.ค.2567 เป็นต้นมาถึงวันที่ 25 มี.ค.2567 เกิดไฟป่าในแม่ฮ่องสอนทั้งหมดรวม 6,646 จุด และค่าฝุ่นพิษเกินมาตรฐานต่อเนื่องมาแล้ว 38 วัน ชาวเมืองสามหมอกต้องทนสูดดมฝุ่นพิษอันเกิดจากการเผาป่าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ทั้งนี้ ค่า PM2.5 ของวันนี้ ( 26 ) สถานีอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เท่ากับ 76.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร , ค่า PM2.5 สถานีอำเภอแม่สะเรียง เท่ากับ 130.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ ค่า PM2.5 สถานีอำเภอปาย เท่ากับ 69.6 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

จากการพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ภาคเหนือมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 36-40 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 5 -15กม./ชม. แนวโน้มการระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์อ่อนถึงดี สภาวะอากาศใกล้ผิวพื้นที่มีลักษณะปิด ส่งผลให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มทรงตัวถึงลดลงเล็กน้อย

นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนเปิดเผยว่า จากสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละออง ของแม่ฮ่องสอน ตอนนี้ มีอยู่ 2 อำเภอที่น่าเป็นห่วงเนื่องจากเกิดไฟป่าอย่างหนักและเริ่มลุกลามเข้าหากันทำให้เป็นไฟป่าแปลงใหญ่ ส่งผลกระทบต่อป่าและทำให้เกิดหมอกควันไฟป่าและฝุ่นละอองกระทบต่อประชาชนโดยรวม ทั้งนี้ได้สั่งการให้ นายอำเภอแม่สะเรียง และ นายอำเภอสบเมย เร่งทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ และบูรณาการกับทุกภาคส่วน ในการเร่งดับไฟป่าที่เกิดขึ้นโดยเร็ว

นายวรศักดิ์ พานทอง นายอำเภอแม่สะเรียง/ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองอำเภอแม่สะเรียง บูรณาการร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองในพื้นที่อำเภอแม่สะเรียง โดยได้มีการประชาสัมพันธ์เสียงตามสายของทุกหมู่บ้านในการบริหารจัดการเชื้อเพลิง โดยไม่ได้ห้ามเผา แต่หากจะเผาให้แจ้งผู้ใหญ่บ้าน เพื่อที่จะรายงานนายอำเภอก่อนที่จะตรวจสอบทิศทางลม สภาพอากาศ แล้วจะเปิดโอกาสให้มีการบริหารจัดการเชื้อเพลิงอย่างถูกต้อง นอกจากนั้นยังเร่งให้ทุกหมู่บ้านทำแนวกันไฟ เพื่อป้องกันไฟป่าลุกลามเข้าสู่บ้านเรือนประชาชน

ร่วมแสดงความคิดเห็น