สามีนำว่านจั๊กจั่นมาให้ภรรยาทำกับข้าวกิน ป่วยหนักยกครัว

คืบหน้าจากกรณีทางโรงพยาบาลบ้านโฮ่ง จ.ลำพูน รับผู้ป่วยจำนวน 3 ราย เป็นชาย 1 หญิง 2 เนื่องจากนำว่านจั๊กจั่น หรือ งอกจั๊กจั่น มาบริโภค ต้องนำเข้าห้องฉุกเฉินเป็นการด่วน ปรากฎว่า ผู้ป่วยหญิง 2 ราย อาการสาหัสย้ายเข้ารักษาตัวต่อที่ รพ.ลำพูน

ทั้งนี้ทราบผู้ป่วยชื่อนายตุ๋ย อายุประมาณ 60 กว่าปีชาวบ้านทุ่งม่าน ต.ป่าพลู อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน เมื่อตอนเช้าวันที่ 26 มี.ค.2567 ได้ออกไปดูสวนลำไย พบจอมปลอกเก่ามีลักษณะชุ่มน้ำจึงใช้จอบขุดพบว่ามีตัวอ่อนจักจั๋น ที่ตายแล้วจำนวนมาก แต่มีลักษณะแข็ง ยังไม่เน่าจึงเข้าใจว่าเพิ่งตายใหม่ ๆ ยังบริโภคได้ จึงนำกลับมาบ้านต่อมาให้นางสมศรีภรรยา นำจั๊กจั่นมาปรุงอาหาร โดยคั่วจั๊กจั่นจนสุกแล้วนำมาตำน้ำพริกกินกันเป็นอาหารมื้อเช้า กินกัน 3 คน มีนายตุ๋ย นางสมศรี และนางนงค์ น้องสาวนางสมศรี เมื่อกินข้าวเช้าเสร็จต่างเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงเกร็ง อ่อนแรง เวียนหัว คลื่นไส้ และอาเจียน ทางเพื่อนบ้านทราบเหตุจึงนำตัวส่งรพ.บ้านโฮ่ง ทางแพทย์ได้ทำการรักษาเป็นการด่วน ปรากฎว่า นางสมศรีกับ นางนงค์ น้องสาวอาการสาหัสจึงส่งตัวเข้ารักษาที่รพ.ลำพูน

”ว่านจั๊กจั่น“คือ ซากของแมลงที่เสียชีวิตแล้วติดเชื้อรา ไม่ใช่พืชที่อยู่ด้านบนหรือล่างของดินแต่อย่างใด มักจะถูกพบในช่วงฤดูฝน มีกลุ่มคนหนึ่งที่เชื่อกันว่าของสิ่งนี้เป็นเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์ จึงนำมาทอดรับประทานหรือต้มกับน้ำดื่ม ทำให้มีอาการผิดปกติต่อระบบประสาทและอวัยวะทางเดินอาหารได้ เพราะมีสารปนเปื้อนต่าง ๆ จากธรรมชาติและเคมีที่อยู่บริเวณนั้น ซึ่งทนทานต่อความร้อนสูง เมื่อนำไปผ่านกรรมวิธีอาหารยังไงก็ได้ผลกระทบอยู่ดี

ร่วมแสดงความคิดเห็น