ทางการเมียนมาส่งตัว 2 ผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญ กลับมาดำเนินคดีฝั่งไทย
วันที่ 28 มี.ค. 67 เวลา 11.30 น. ที่สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 1 อ.แม่สาย จ.เชียงราย หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ (นบ.ยส.35) ร่วมกับ นายโสรัจน์ จอมดวง ผู้แทนสำนักงาน ป.ป.ส. และเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเชียงรายร่วมรับตัว นายวุฒิพงษ์ ผู้ต้องหาหมายจับของศาลจังหวัดตรังที่ จ.214/2563 ลงวันที่ 1 เม.ย. 63 ในข้อหาครอบครองเพื่อจำหน่ายยาเสพติด และนายณัฐนันท์ หรือน้อย ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสุโขทัย ที่ จ.168/2565 ในข้อหาครอบครองเพื่อจำหน่ายยาเสพติด จากเจ้าหน้าที่ของทางการเมียนมาเพื่อมาดำเนินคดีในประเทศไทย โดย นายวุฒิพงษ์ เป็นชาว จ.ตรัง และนายณัฐนันท์หรือน้อย ชาว จ.สุโขทัย ถูกทางการเมียนมาจับกุมได้ในคดีหลบหนีเข้าเมือง
ตรวจสอบพบด้วยว่า นายวุฒิพงษ์มีหมายจับถึง 8 คดี อาทิ หมายจับศาล จ.ตรัง วันที่ 1 เม.ย. 63 ในคดีร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต หมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 11 มิ.ย. 63 ในคดีร่วมกันฟอกเงิน หมายจับศาล หมายจับศาล จ.ตรัง ลงวันที่ 16 ม.ค. 60 ในคดีข่มขืนใจผู้อื่นฯ ใช้กำลังประทุษร้าย, พกพาอาวุธปืน, ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ หมายจับศาล จ.ตาก ลงวันที่ 10 มิ.ย. 62 ในคดีมีอาวุธปืนฯ โดยไม่ได้รับอนุญาตและพกฯ ไปในเมือง หมู่บ้าน สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ หมายจับศาล จ.ตาก ลงวันที่ 3 พ.ย. 62 คดีมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายฯ หมายจับศาล จ.ตรัง ลงวันที่ 2 พ.ค. 65 คดีมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายฯ และกระทำโดยมีอาวุธหรือใช้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนฯ และพกอาวุธปืนฯ
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน อยู่ในรายชื่อเป้าหมายบุคคลตามหมายจับ ตามโครงการประกาศสืบจับผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญตามหมายจับ ประจำปี 2567 จำนวน 193 เป้าหมาย ของสำนักงาน ปปส. ซึ่งจากการตรวจสอบรายชื่อผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญที่มีหมายจับของศาลไทย พบว่าส่วนหนึ่งได้หลบหนีหมายจับไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยบางรายยังคงติดต่อสั่งการค้ายาเสพติดแม้จะอยู่นอกชายแดนไทย ซึ่งส่งผลต่อสถานการณ์การค้าและลักลอบนำเข้ายาเสพติดทางชายแดนภาคเหนือในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย ทั้งนี้การรับตัวผู้ต้องหาคดียาเสพติดซึ่งหลบหนีหมายจับของศาลไทยในครั้งนี้ เป็นสัญญาณความร่วมมือระหว่างประเทศที่ดี และประเทศไทยมีความยินดีในการเป็นแกนกลางเพื่อประสานความร่วมมือเช่นนี้ในการปราบปรามยาเสพติดในภูมิภาค เพื่อขยายผลยึดทรัพย์ผู้กระทำผิดและนำผู้เกี่ยวข้องมาลงโทษให้มากที่สุด
ร่วมแสดงความคิดเห็น