หนุ่มประท้วงหน้าโรงพัก หลังถูกรถชนมานานเกือบสองปีแต่คดีไม่คืบ

หนุ่มสุดทนลงทุนซื้อโทรโข่งยืนประท้วงหน้าโรงพัก ถูกรถชนมานานเกือบสองปีตำรวจยังตามหาคู่กรณีไม่เจอ เชื่อเหตุตามยากเพราะเป็นลูกน้องนักการเมืองท้องถิ่น

สร้างความฮือฮาในโลกโซเชียลหลังจากมีชายคนแบกโทรโข่งพร้อมป้ายข้อความ “ ตำรวจ สภ.แม่ริม ให้การช่วยเหลือผู้มีอิทธิพล “ ยืนประท้วงหน้าโรงพัก สภ.แม่ริม เรียกร้องความเป็นธรรมกรณีที่ตัวเองถูกคนเมาแล้วขับขับรถชนจนบาดเจ็บ แต่ผ่านมานานเกือบสองปีคดีไม่คืบหน้า ตำรวจยังตามจับผู้ต้องหาไม่ได้ โดยระหว่างยืนประท้วงได้มีตำรวจเข้ามาเก็บป้ายประท้วงพร้อมกับขอให้เข้าไปพูดคุยในโรงพัก เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 เมษายน ที่ผ่านมา สร้างความสนใจให้กับชาวบ้านและผู้ที่ผ่านไปพบเห็น

ล่าสุดในวันนี้ (22 เม.ย.67) นายสุปัญญา อายุ 37 ปี หนุ่มประท้วงหน้าโรงพัก เข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชน โดยเล่าถึงสาเหตุที่บุกประท้วงหน้าโรงพักว่าเป็นเพราะหมดหนทางและสุดทนกับการทำงานของตำรวจ พร้อมกับเล่าที่มาที่ไปว่าเมื่อวันที 26 กรกฏาคม 2565 ตนเองถูกนาย Sai อายุ 43 ปี สัญชาติเมียนมา ขี่จักรยานยนต์รถพุ่งชนที่หน้าปั๊มน้ำมันในตำบลแม่แรม อ.แม่แรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ จนทำให้ได้รับบาดเจ็บเท้าฉีกและฟกช้ำไปทั้งตัว ส่วนจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่าสีขาวดำ ทะเบียนขอนแก่น ของตัวเองพังเสียหายหนัก ตำรวจตรวจแอลกอฮอล์คู่กรณีพบสูงถึง 197 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ และ บอกว่าจะต้องนำตัวคู่กรณีที่เมาแล้วขับเข้าห้องคุมขัง

หลังจากนั้นวันรุ่งขึ้นตนเองไปติดตามคดีที่โรงพักก็ไม่พบว่าคู่กรณีถูกคุมขังและก็ไม่พบว่ามีการแจ้งข้อกล่าวหากับคู่กรณี ตนเองจึงขอให้ทางตำรวจตามคู่กรณีมาเจรจาชดใช้ค่าเสียหาย แต่ผ่านไปนานกว่าสัปดาห์ก็ยังตามตัวไม่เจอ ทั้งที่ตำรวจก็ทราบดีอยู่แล้วว่าทำงานอยู่ที่ไหนและนายจ้างเป็นใคร

ผ่านไปนานเกือบสองเดือนหลังจากเกิดเหตุ มีหมายเรียกจาก พ.ต.ท.ขจร เรือนคำ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ให้ตนเองไปให้ปากคำ พร้อมกับแจ้งว่าได้แจ้งข้อหาคู่กรณีไปแล้วในข้อหา ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนทรัพย์สินผู้อื่นได้รับความเสียหายและมีผู้บาดเจ็บ , ขับรถในขณะเมาสุรา

นายสุปัญญา เปิดเผยว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นตนเองได้เรียกค่าเสียหายและค่ารักษาพยาบาลรวม 60,000 บาท ในตอนแรกตำรวจแจ้งว่านายจ้างจะรับผิดชอบ แต่หลังจากวันนั้นจนถึงวันนี้ผ่านมาเกือบสองปีเรื่องก็ไม่คืบหน้าและตำรวจก็ยังตามหาคู่กรณีที่ถูกแจ้งข้อหาแล้วไม่ได้ ทั้งที่ทราบว่าคู่กรณีทำงานและพักอาศัยอยู่ในตำบลแม่แรม จึงเกรงว่าอาจมีการช่วยเหลือฝั่งคู่กรณี เพราะทราบว่านายจ้างคู่กรณีเป็นนักการเมืองท้องถิ่น เมื่อไม่ได้รับความเป็นธรรมตนเองจึงนำหลักฐานเข้าร้องเรียนทั้งศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดและกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ แต่ก็ยังเงียบ จึงตัดสินใจไปยืนประท้วงหน้าโรงพัก โดยลงทุนไปหาซื้อโทรโข่งมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ หวังไว้ว่าจะได้รับความสนใจและเป็นข่าว นำไปสู่การเร่งรัดคดีที่ค้างคามานานและอยากให้เป็นกรณีตัวอย่างว่าแม้จะเป็นคดีเล็กน้อยแต่ก็จะต้องได้รับความเป็นธรรมเหมือนกับคดีอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน

ด้าน พ.ต.ท.ภาสกร ปกปิงเมือง รอง ผกก.สอบสวน สภ.แม่ริม ให้ข้อมูลในคดีนี้ว่าหลังเกิดเหตุมีการตรวจแอลกอฮอล์พบคู่กรณีมีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด วันรุ่งขึ้นจึงออกหมายเรียกเพื่อให้มารับทราบข้อกล่าวหา แต่คู่กรณีก็ไม่ยอมมาพบพนักงานสอบสวน เมื่อออกหมายเรียกไปแล้วสองครั้งและยังไม่มาพบ จึงขออนุมัติศาลออกหมายจับไปแล้วและจนถึงขณะนี้ผู้ต้องหาอยู่ระหว่างหลบหนี

ส่วนที่ผู้เสียหายติดใจว่าจับผู้ต้องหาไม่ได้เพราะเป็นลูกน้องนักการเมืองในพื้นที่จนมีการประท้วงหน้าโรงพัก เรื่องนี้ พ.ต.อ.สิทธา คำเลิศ ผกก.สภ.แม่ริม ได้ประชุมและสั่งการให้พนักงานสอบสวนลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเป็นลูกน้องนักการเมืองที่ถูกกล่าวอ้างและมีการช่วยเหลือให้พ้นการจับกุมหรือไม่ พยานหลักฐาน ยืนยันไม่มีการช่วยเหลือใครและจะดำเนินคดีไปตามข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน

ร่วมแสดงความคิดเห็น