“กรมป่าไม้” เอาด้วย พัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ

แพร่ “กรมป่าไม้” เอาด้วยการพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ หลัง สส.วรวัจน์ฯ ประสานขอกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช สำเร็จ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่ ดร.วรวัจน์ฯ เอื้ออภิญญกุล สส.แพร่ เขต 3 พรรคเพื่อไทย ได้ผลักดันการใช้พื้นที่ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งต่อมา มีคำสั่งกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ที่ 1347/2567 ลงวันที่ 1 เมษายน 67 ได้มอบอำนาจให้ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1-16 และทุกสาขา ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีฯ ในการอนุญาตเพื่อบำรุงรักษาโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน ฯลฯ ว่าด้วยการอนุญาตให้กระทำการในอุทยานแห่งชาติ และวนอุทยาน แล้วแต่กรณีภายในเขตพื้นที่รับผิดชอบนั้นๆพื้นที่ที่อยู่ในเขตอุทยาน เขตรักษาพันธุ์พืช สามารถดำเนินการตามกิจกรรมข้างต้นได้ และอำนาจอนุมัติอยู่ที่ ผอ.สำนัก 1-16

ล่าสุดมีข่าวดีอีกครั้ง เมื่อ นายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ ได้ลงนามในหนังสือ ด่วนที่สุดบันทึกข้อความ
เรื่อง…การพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2561ที่กรมป่าไม้ได้อนุมัติโครงการตามมาตรา.19. แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507

โดยมีคำสั่งถึงผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1-13 ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้สาขาทุกสาขา ตามที่กรมป่าไม้ได้อนุมัติแนวทางการปฏิบัติตามแผนการจัดการทรัพยากรที่ดินและป่าไม้ระดับพื้นที่ท้ายหนังสือสำนักจัดการที่ดินป่าไม้ ด่วนที่สุด ที่ ทส 1603.3/3036 ลงวันที่ 24 ตุลาคม 2566 ตามแนวทางการปฏิบัติงานดังกล่าว กลุ่มที่ 3 พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติลุ่มน้ำชั้นที่ 1 และ 2 ก่อนมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2541 และกลุ่มที่ 4 พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติลุ่มน้ำชั้นที่ 1 และ 2 หลังมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2541 และต้องปฏิบัติตามคำสั่ง คสช.ที่ 66/2557 ลงวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2557 ให้จัดทำ “โครงการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยทำกินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ พื้นที่ลุ่มน้ำ 1 และ 2 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561” เสนอกรมป่าไม้พิจารณาอนุมัติตามมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 และกรมป่าไม้ได้มีหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ ทส 1602.5’2/4204 ลงวันที่ 13 มีนาคม 2567 ส่งตัวอย่างโครงการฯ ให้สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ทราบเพื่อใช้ในการจัดทำโครงการเสนอกรมป่าไม้พิจารณา ซึ่งวัตถุประสงค์ข้อ 3.9 และแผนการตำเนินงานข้อ 7.7 จะมีการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานในพื้นที่ ที่จะดำเนินโครงการฯ ด้วย นั้น

ล่าสุดกรมป่าไม้ได้พิจารณาแล้ว เพื่อให้การพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ที่กรมป่าไม้อนุมัติโครงการฯ ตามตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 เป็นไปในทิศทางเดียวกัน จึงขอแจ้งแนวทางการปฏิบัติให้สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ทราบเพื่อดำเนินการ ดังนี้

  1. เมื่อจะมีการพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานในพื้นที่ที่กรมป่าไม้อนุมัติโดรงการแก้ไขปัญหา การอยู่อาศัยทำกินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ พื้นที่ลุ่มน้ำ 1 และ 2 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 ตามมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 ให้จัดทำโครงการเสนอให้ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้เป็นผู้พิจารณาอนุมัติ
  2. โครงการพัฒนาสาธารณูปโภค ที่จัดทำขึ้นนั้น ให้หัวหน้าหน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้ท้องที่ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้เขียนโครงการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ร่วมเขียนโครงการ
  3. ให้สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อพิจารณาโครงการดังกล่าว
    โดยมีผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้เป็นประธานกรรมการ ผู้อำนวยการส่วนทุกส่วน เป็นกรรมการ
    และผู้อำนวยการส่วนจัดการที่ดินป่าไม้เป็นกรรมการและเลขานุการ
  4. เมื่อคณะกรรมการพิจารณาเห็นชอบโครงการแล้วให้ผู้อำนวยการส่วนจัดการที่ดินป่าไม้ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการลงนามเห็นชอบโครงการ และเสนอให้ผู้อำนวยการสำนักจัดการ ทรัพยากรป่าไม้พิจารณาอนุมัติโครงการต่อไป

ทั้งนี้ การพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานให้เป็นไปตามโครงการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยทำกินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ พื้นที่ลุ่มน้ำ 1 และ 2 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 ที่ได้รับอนุมัติตามมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 สำหรับสาธารณูปการ เช่น วัด โรงเรียนสนามกีฬา ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เป็นต้น ให้ยื่นขออนุญาตตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป จึงเรียนมาเพื่อทราบและถือปฏิบัติ

ซึ่งหลังจากทั้ง 2 กรมได้อนุญาตเป็นหนังสือแล้ว ทำให้ต่อไปนี้ การพัฒนาด้านแหล่งท่องเที่ยว หรือ การพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ก็จะรวดเร็วขึ้น ซึ่งชาวแพร่จะได้ประโยชน์อย่างมากมายมหาศาลในเรื่องนี้ บางสิ่งบางอย่างไม่ต้องรอนาน ก็สามารถอนุมัติทำได้เลย แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามระเบียบราชการ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีที่ สส.วรวัจน์ฯ ได้ผลักดันจนสำเร็จ เพื่อพ่อแม่พี่น้องชาวแพร่ ได้รับประโยชน์อย่างมากมายต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น