บุกจับร้านจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า พบโดนจับได้ไม่ถึงเดือนกลับมาเปิดอีก เจอเด็กซื้อเพียบ

ไม่เข็ดหลาบ! ฝ่ายปกครองสนธิตำรวจ บุกจับร้านจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองเชียงราย พบเป็นร้านเดิมที่เคยถูกจับกุมได้ไม่ถึงเดือน แต่กลับมาเปิดใหม่ไม่เกรงกลัวกฏหมาย

เมื่อเวลา 15.10 น. วันที่ 7 พฤษภาคม 2567 ภายใต้การอำนวยการของ นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผวจ.เชียงราย นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รอง ผวจ.เชียงราย นายบัลลังก์ ไวทย์ศิริ ปลัด จ.เชียงราย นายบุญส่ง ตินารี นอภ.เมืองเชียงราย พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จ.เชียงราย และ พ.ต.อ.โสภณ ม่วงเฟื่อง ผกก.สภ.เมืองเชียงราย ได้สั่งการให้ฝ่ายปกครองร่วมกับตำรวจ นำโดย นายกองรบ กระทุ่มนัด ป้องกัน จ.เชียงราย ผู้ช่วยป้องกัน จ.เชียงราย สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กองร้อยอาสารักษาดินแดน จ.เชียงรายที่ 1 ปลัด อ.เมือง สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กองร้อยอาสารักษาดินแดน อ.เมืองเชียงรายที่ 3 ตำรวจ ภ.จ.เชียงราย ออกปราบปรามร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ให้แก่เด็กและเยาวชน

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2567 ชุดจัดระเบียบสังคมได้เข้าทำการจับกุมร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ หมู่ 11 ต.รอบเวียง อ.เมืองเชียงราย และได้นำส่งผู้ต้องหาพร้อมของกลางดำเนินคดีตามกฎหมายนั้น ต่อมาชุดจัดระเบียบสังคมฯ ได้รับข้อมูลจากผู้ปกครอง บุคลากรทางการศึกษา และประชาชนมาเป็นจำนวนมาก ว่าร้านดังกล่าวกลับมาเปิดให้บริการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าอีกครั้ง หลังจากถูกจับกุมไม่ถึง 1 อาทิตย์ โดยมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบมาเน้นจากส่งของผ่านทางไรเดอร์ แต่ก็ยังคงเปิดหน้าร้านเป็นบางครั้ง ซึ่งพฤติกรรมยังคงพบมีการจำหน่ายให้กับเด็กและเยาวชน รวมถึงลูกค้าทั่วไปเหมือนเดิม

เจ้าหน้าที่จึงได้วางแผนเข้าตรวจสอบร้านดังกล่าว พบว่าร้านมีการติดฟิล์มสีขาวขุ่นอำพรางไม่ให้มีการมองจากข้างนอกเข้าไปเห็นในบริเวณด้านใน และมีกล้องวงจรปิดรอบทิศทางเพื่อดูสถานการณ์จากภายนอก แต่ผู้ซื้อจะรู้กันภายในกลุ่มไลน์ เฟซบุ๊ก หรือสื่อสังคมต่าง ๆ ซึ่งจากการเข้าตรวจสอบร้านดังกล่าว พบผู้ต้องหา 3 คน แสดงตัวเป็นผู้ดูแล ซึ่งเป็นบุคคลเดิมที่เคยถูกจับกุมมาแล้ว และในระหว่างการตรวจสอบภายในร้านอยู่นั้น ได้มีบริษัทขนส่งเอกชนนำบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์มาส่งอีก 2 กล่องใหญ่

ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อมูลการซื้อขายผ่านระบบออนไลน์ ยังพบลูกค้าที่ทำการสั่งซื้อบุหรี่ไฟฟ้าผ่านทางระบบออนไลน์ มีคำนำหน้านามว่า เด็กหญิง และ เด็กชาย อีกจำนวนมาก

แล้วจากการตรวจสอบภายในร้านพบบุหรี่ไฟฟ้า อุปกรณ์ น้ำยา และอุปกรณ์อื่นๆ อีกมากมายซึ่งสินค้าที่ตรวจยึดได้จำแนกเป็น เครื่องบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 10 เครื่อง หัวพอตบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 247 ชิ้น บุหรี่ไฟฟ้าใช้แล้วทิ้ง จำนวน 497 ชิ้น น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 40 ชิ้น คอร์ยบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 31 ชิ้น มูลค่าหลายแสนบาท

และจากการตรวจสอบการรับจ่ายเงินหรือเงินหมุนเวียนภายในร้าน พบแต่ละร้านมีรายได้ต่อวันตั้งแต่วันละ 40,000 – 100,000 บาทต่อวัน ซึ่งจากการสอบถามผู้ดูแลพบ เจ้าของที่แท้จริงจะติดต่อผ่านไลน์และส่งของมาให้ขายจึงไม่ทราบราคาต้นทุนต่อชิ้น และจะขายบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ตั้งแต่ราคาหลักสิบ ถึง หลักพันบาท และระหว่างที่เจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจสอบจะมีลูกค้ามาใช้บริการตลอดเวลา เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ดูแลทั้ง 3 ราย โดยแจ้งข้อหา

1) ได้มีการซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยความผิดตามมาตรา 242 ตามมาตรา 246 วรรคแรก แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ประกอบข้อ 4 แห่งประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า เป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2557 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือ ทั้งจำทั้งปรับ

2) ขายสินค้าบารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า โดยฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ 9/2558 เรื่อง ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า ต้องระวางโทษ โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะได้ปราบปรามร้านทั้งเปิดหน้าร้าน และขายออนไลน์ในพื้นที่ จ.เชียงราย ต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น