ร้านกาแฟเงียบที่สุดในเชียงใหม่ ในโรงเรียนโสตศึกษาฯ

ตามไปดูร้านกาแฟเงียบที่สุดในเชียงใหม่ในโรงเรียนโสตศึกษาฯ ปั้นบาริสต้าเด็กหูหนวกต่อยอดอาชีพในฝัน คนแน่นร้านทุกวัน

จังหวัดเชียงใหม่ถูกยกให้เป็นเมืองหลวงแห่งร้านกาแฟ ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหนก็จะพบเห็นคาเฟ่ได้แทบทุกตรอกซอกซอย วันนี้ทีมข่าวพาไปร้านกาแฟที่เรียกได้ว่าเป็นร้านคาเฟ่ที่เงียบที่สุดในเชียงใหม่ เพราะบาริสต้าและพนักงานเกือบทั้งหมดเป็นนักเรียนผู้พิการทางการได้ยินที่ใช้ภาษามือในการสื่อสารและบริหารจัดการออเดอร์

ลูกค้าที่มีทั้งคนไทยและต่างชาติเข้าคิวสั่งเครื่องดื่มและเบเกอรี่ภายในร้านคาเฟ่ เดอ โสต ( Café De Sot ) ย่านชุมชนสันติธรรม ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ โดยมีพนักงานรับออเดอร์คอยสื่อสารภาษามือให้บาริสต้าที่เป็นนักเรียนหูหนวกได้ชงเครื่องดื่มและนำไปเสิร์ฟให้กับลูกค้า

บาริสต้าที่ร้านนี้แม้จะยังเป็นเยาวชนและมีปัญหาทางการได้ยิน แต่ฝีมือก็ไม่ธรรมดาเพราะทุกคนผ่านการฝึกอบรมมาอย่างเข้มข้น เรียกว่าชงกาแฟและเครื่องดื่มได้ทุกเมนูทั้งร้อนเย็น แถมยังคล่องแคล่วว่องไวและประณีตตั้งใจจนทุกแก้วมีรสชาติอร่อยล้ำไม่แพ้กาแฟยี่ห้อดัง เป็นคำตอบว่าทำไมที่ร้านนี้ถึงมีลูกค้าเต็มร้านทุกวัน และนอกจากกาแฟเครื่องดื่มทางร้านยังมีขนมและเบเกอรี่อีกหลายหลายเมนูให้เลือกชิม แน่นอนว่าเกือบทั้งหมดเป็นฝีมือของนักเรียนผู้พิการทางการได้ยินด้วยเช่นกัน

คาเฟ่ เดอ โสต ( Café De Sot ) เป็นร้านกาแฟของ “โรงเรียนโสตศึกษาอนุสารสุนทร” โรงเรียนสำหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยินหรือหูหนวกในเขตพื้นที่จังหวัดภาคเหนือตอนบน สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ บริเวณร้านอยู่ภายในรั้วโรงเรียน บรรยากาศร่มรื่นภายใต้การตกแต่งสวนสไตล์ทรอปิคอล มีน้ำตกและพรรณไม้ต่าง ๆ ท่ามกลางอากาศเย็นสบายเสมือนอยู่ในป่าธรรมชาติกลางเมือง เป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าที่พากันมานั่งจิบกาแฟและพักผ่อน

นางสุภาภรณ์ พันธ์วิไล ครูผู้แลร้านกาแฟ บอกว่า ร้านกาแฟแห่งนี้เปิดขึ้นเพื่อส่งเสริมกิจกรรมให้นักเรียนผู้พิการทางการได้ยินได้ฝึกฝนทักษะด้านอาชีพการขายกาแฟและงานภาคบริการ เพื่อให้สามารถต่อยอดในวันข้างหน้าได้

โดยก่อนหน้านี้ในช่วงเปิดบริการครั้งแรกเมื่อปี 2563 ครูในโรงเรียนช่วยกันหมุนเวียนกันมาทำ รายได้ส่วนหนึ่งจะเป็นทุนใช้จ่ายเพื่อกิจการของโรงเรียน แต่เมื่อครูต้องไปสอนตามภารกิจหลักก็ทำให้ต้องปิดร้าน ขาดความสม่ำเสมอ หลังจากนั้นจึงจ้างบาริสต้ามาทำเพื่อให้เปิดบริการได้เต็มวัน

ภายหลังทางโรงเรียนได้เปิดให้นักเรียนเข้ามามีส่วนร่วมในช่วงเข้าและเย็นและวันเสาร์อาทิตย์แบบเต็มวัน โดยได้รับค่าจ้างเต็มวัน 300 บาท และรายชั่วโมง ชั่วโมงละ 30 บาท มีนักเรียนที่สนใจจองคิวเข้ามาทำเป็นจำนวนมาก ทำให้ทางเรียนต้องบริหารจัดคิวเพื่อให้ทุกคนได้มีโอกาสอย่างทั่วถึง

นักเรียนที่มาทำงานจะมีทั้งที่ทำหน้าที่บาริสต้า เสิร์ฟ และพนักงานทั่วไป ส่วนนักเรียนที่จะมาทำหน้าที่บาริสต้าจะคัดเลือกเด็กที่มีทักษะและมีความสนใจ โดยทางโรงเรียนจะส่งไปอบรมกับบาริสต้ามืออาชีพเพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพ

ส่วนการสื่อสารสั่งออเดอร์ภายในร้านไร้อุปสรรค ลูกค้าจะชี้เมนูหรือเขียนสั่งออเดอร์ แต่ก็มีบาริสต้าหูดีที่ผ่านการเรียนรู้ภาษามือมาคอยช่วยอีกทางหนึ่ง รวมทั้งยังมีลูกค้าหูหนวกทั้งคนไทยและต่างชาติมาที่ร้านซึ่งก็สามารถใช้ภาษามือสื่อสารกันได้โดยตรง ที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร

ครูสุภาภรณ์ บอกว่า ทำงานที่ร้านกาแฟเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้ ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์และสร้างรายได้โดยไม่รบกวนผู้ปกครองและประสบการณ์ที่ได้รับ จะเป็นการต่อยอดอาชีพได้อนาคตสำหรับเด็กที่สนใจ นอกจากนี้ยังช่วยให้เด็กได้ฝึกการอยู่ร่วมกับคนปกติในสังคมก่อนที่จะเรียนจบออกไป เพราะเด็กหูหนวกส่วนใหญ่จะกลัวคนหูดีจนบางคนมีปัญหาในการอยู่ในสังคม

ร่วมแสดงความคิดเห็น