(มีคลิป) น่าน ดราม่าต่อเนื่อง หลอกลงหุ้นรีสอร์ทหรู สูญ เงิน 4 ล้านกว่า

น่าน ยังเป็นประเด็นดราม่า ออกมาต่อเนื่อง ผู้เสียหายพากันแจ้งความ ถูกหลอกลงหุ้นรีสอร์ทหรู สะปัน-บ่อเกลือ สูญเงิน 4 ล้านกว่าบาท

เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2566 ยังเป็นประเด็นดราม่า ออกมาต่อเนื่อง สะปัน – บ่อเกลือ แหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตของจังหวัดน่าน ล่าสุดมีผู้เสียหายหลายรายทยอยเข้าแจ้งความ ว่าถูกชักชวนให้ร่วมลงหุ้นทำรีสอร์ทหรู ในแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิต สะปัน – บ่อเกลือ อ้างที่ดินมีเอกสารถูกต้อง คนดัง คนใหญ่โต ร่วมหุ้น ดึงดารา โพสต์เพจโปรโมตรีสอร์ท สร้างความน่าเชื่อถือ สุดท้ายถูกจับรุกป่าสงวนแห่งชาติ สูญเงิน 4 ล้านกว่าบาท

นายถูกหลอก (นามสมมุติ) อายุ 31 ปี เป็น 1 ในผู้เสียหาย 3 ราย ที่เดินทางเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ่อเกลือ จ.น่าน ว่าถูกหลอกให้ไปร่วมลงหุ้นทำรีสอร์ท ที่สะปัน-บ่อเกลือ โดยกลุ่มบุคคลเหล่านี้ เข้ามาทำสนิทสนมผ่านกลุ่มเพื่อนอีกที พบเจอกันบ่อยครั้งจนรู้สึกวางใจ แล้วชักชวนร่วมทำธุรกิจ โดยตลอดที่พบกันมักบอกว่าได้ซื้อที่ดิน แปลงสวยที่สะปัน บ่อเกลือ ซึ่งมีเอกสารไว้แล้วหลายไร่ ในราคา 7 ล้าน เพื่อทำรีสอร์ทและจะเปิดรับหุ้นส่วนร่วมทำเพียง 9 หุ้นในราคาหุ้นละ 1.5 ล้านบาท ซึ่งตอนนี้มีคนสนใจ และลงหุ้นแล้วหลายราย พร้อมกับชักชวนตนเอง และพาขึ้นมาที่จังหวัดน่าน ดูที่ดินดังกล่าว ที่กำลังก่อสร้างตั้งเสาเพื่อทำบ้านพักจำนวน 3 หลัง อีกทั้งได้สอบถามเรื่องที่ดินก็ได้รับการยืนยันว่ามีเอกสารสิทธิ์ถูกต้อง ก่อสร้างทำรีสอร์ทได้แน่นอน จึงได้ตัดสินใจร่วมลงหุ้นและโอนเงินให้ไปจำนวน 1.5 ล้านบาท แต่ปรากฏว่าเปิดได้เพียง 1 เดือน ถูกเจ้าหน้าที่เข้าตรวจยึด เพราะสร้างรีสอร์ทรุกที่ป่าสงวนแห่งชาติ

เมื่อสอบถามเอกสารที่ดิน บัญชีผู้ถือหุ้น และบัญชีรายรับจ่ายการก่อสร้างรีสอร์ท ก็ถูกบ่ายเบี่ยง แต่ยอมรับว่านำเงินไปหมุนใช้จ่ายตรงอื่น ยังไม่มีคืนให้ ทั้งนี้ต้องการเตือนภัยหลายๆ คนที่กำลังสนใจลงทุน หรือ ร่วมลงหุ้นทำรีสอร์ท ตามแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิต ให้ศึกษาให้ดี ตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ที่ดินให้ชัดเจน ก่อนตัดสินใจลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ดินที่อยู่ตามสันเขา หุบเขา เสี่ยงที่จะรุกเขตป่าสงวนแห่งชาติ

อย่างไรก็ตาม รีสอร์ทดังกล่าวที่ผู้เสียหายเข้าแจ้ง ได้ถูกเจ้าหน้าที่เข้าตรวจยึดมาตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม 2565 เนื่องจากได้ก่อสร้างบ้านพักบริการนักท่องเที่ยวจำนวน 12 หลัง ที่บุกรุกเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดอยภูคาและป่าผาแดง เนื้อที่ 3 ไร่กว่า และได้ประกาศห้ามบุคคลใดเข้าพื้นที่หรือกระทำการด้วยการกระทำใดๆ หากฝ่าฝืนจะมีความผิดตามกฎหมาย แต่ผู้ประกอบการ ได้ฝ่าฝืนประกาศ ยังคงเปิดบริการให้แก่นักท่องเที่ยว และดำเนินการขายห้องพักในราคา ห้องละ 3,000-10,000 บาท ให้กับนักท่องเที่ยวผ่านสื่อโซเชียล อีกทั้งยังมีการนำดาราสาวชื่อดัง มาเป็นพรีเซ็นเตอร์เข้าพักที่รีสอร์ท และมีการนำชื่อบุคคลมีชื่อเสียงในวงการต่างๆมาแอบอ้างเป็นหุ้นส่วนเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ตามที่เป็นข่าวมาแล้ว

ด้านพล.ต.ต ปิยะพันธ์ ภัทรพงศ์สินธุ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดน่าน กล่าวว่า ขณะนี้พบว่าในพื้นที่อำเภอบ่อเกลือ และ อำเภอปัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่หมู่บ้านสะปัน บ่อเกลือ พบว่ามีการรีสอร์ทเพื่อรองรับการท่องเที่ยว โดยพบว่ามีนักลงทุนจากต่างจังหวัดจำนวนหลายราย เข้ามาลงทุนทำบ้านพักตากอากาศ รีสอร์ท หลังจากการถูกชักชวน และมีการโฆษณาชวนเชื่อจากโซเชียล มีการอ้างบุคคลต่างๆ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และหลงเชื่อมาลงทุน แต่ปรากฏว่าในสถานที่ที่จะดำเนินการรีสอร์ท บ้านพักนั้น เป็นสถานที่ที่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งผิดกฎหมาย ไม่สามารถทำการก่อสร้างใดๆ ได้ จึงขอฝากเตือนผู้ที่คิดจะเข้ามาลงทุนในแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติต่างๆ ให้ทำการศึกษา และทำการตรวจสอบด้วยตนเองอย่างถี่ถ้วนก่อน เพื่อจะได้ไม่ถูกหลอกลงจากกลุ่มบุคคลที่มีพฤติการณ์ไม่เหมาะสม

สำหรับกรณีที่มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความดังกล่าวนี้ เบื้องต้นตรวจสอบสถานที่สร้างรีสอร์ทดังกล่าวรุกเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดอยภูคาและป่าผาแดง เนื้อที่ 3 ไร่กว่า และได้เข้าตรวจยึดประกาศห้ามบุคคลใดเข้าพื้นที่หรือกระทำการด้วยการกระทำใดๆ หากฝ่าฝืนจะมีความผิดตามกฎหมายแล้ว ในส่วนอื่นๆจะได้มีการสอบสวนข้อเท็จจริงทั้ง 2 ฝ่าย หากพบกระทำผิดกฎหมาย เข้าข่ายโฆษณาชวนเชื่อ หลอกลวงให้หลงเชื่อเพื่อหวังต่อทรัพย์ ก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ส่วนทางด้าน ดอยอิงดาว นั้นหลังจากเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบเมื่อช่วงเดือนธันวาคมปี 2565 ที่ผ่านมา และพบว่าได้มีการตรวจยึดดำเนินคดีไปแล้วเมื่อปี 2563 ศาลพิพากษาเมื่อเดือนมิถุนายน 2564 ให้ออกจากพื้นที่ แต่ก็ยังเปิดให้บริการรับนักท่องเที่ยว รวมทั้งมีการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างบุกรุกพื้นที่ใหม่ และยังเปิดให้บริการรับนักท่องเที่ยว โดยในช่วงวันหยุดยาวปีใหม่ 2566 ที่ผ่านมายังพบ ก็ยังพบรีสอร์ตดังกล่าวเปิดให้บริการ และยังรับนักท่องเที่ยวเข้าพัก ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย หรือคำพิพากษาที่สิ้นสุดไปแล้วแต่อย่างใด

จากการติดต่อสอบถามเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง แจ้งว่าทราบเรื่องแล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างประสาน บังคับคดีจังหวัดน่าน ว่ารีสอร์ตดังกล่าวไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดน่าน อยู่ระหว่างรอการประสานจากบังคับคดีจังหวัดน่าน ว่าจะให้ดำเนินการเช่นไร เพราะคำพิพากษาไม่ได้ระบุให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งในทางนิติกรรมได้มีการย้ายชื่อผู้ถูกฟ้องออกจากพื้นที่จริง แต่จากพฤติกรรมยังมีการดำเนินการเปิดให้บริการในพื้นที่ เพราะจากเส้นทางการเงินที่ทางตำรวจตรวจสอบ ยังมีการให้ชำระเงินเข้าบัญชีธนาคาร
และจากการออกมาแฉในที่ประชุมการแก้ไขปัญหาของหมู่บ้านสะปัน ณ ที่ว่าการอำเภอบ่อเกลือ ของผู้ประกอบการในพื้นที่ ระบุว่า จากที่ผ่านมาปัญหาส่วนใหญ่มีกลุ่มนายทุนเข้ามากอบโกยในพื้นที่ พอตรวจสอบหรือติดต่อกับราชการก็เป็นชาวบ้านที่ออกหน้าแทน ทั้งการขอใช้ไฟ ขออนุญาตทำโฮมสเตย์ โดยเฉพาะที่สะปัน ใบอนุญาตประกอบการโฮมสเตย์มีเพียง 28 ที่ จากกว่า 80 ที่ แต่ใน 28 ที่มีการขออนุญาตใน อ.1 หรือใบขออนุญาตก่อสร้างไม่ถึง 10 ที่ จึงอยากตั้งคำถามกลับไปยังหน่วยงานที่กำกับดูแลว่าทำไมไม่จริงจังกับการแก้ปัญหา โฮมสเตย์มีห้องพัก 20 ห้องต้องขออนุญาตประกอบกิจการโรงแรมแล้ว

ร่วมแสดงความคิดเห็น