(มีคลิป) สีสันบรรยากาศตรุษจีนย่านไชน่าทาวน์ เชียงใหม่คึกคัก

สีสันบรรยากาศตรุษจีนย่านไชน่าทาวน์ เชียงใหม่คึกคัก ชาวไทยเชื้อสายจีน และนักท่องเที่ยวต่างชาตินับพันหลั่งไหลร่วมงานเทศกาล คาดเงินสะพัดกว่าพันล้านบาท

วันที่ 22 ม.ค.66 รายงานข่าวแจ้งว่า บรรยากาศการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2566 ที่จังหวัดเชียงใหม่เป็นไปอย่างคึกคัก โดยในวันนี้ที่บริเวณย่านตลาดวโรรส ถ.วิชยานนท์ ต.ช้างม่อย อ.เมืองเชียงใหม่ หรือที่รู้จักกันในย่านไชน่าทาวน์ เมืองเชียงใหม่ พบว่าบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก จากการที่บริเวณนี้เป็นจุดการจัดงานเทศกาลตรุษจีนจุดหลักของเชียงใหม่ ทำให้มีประชาชนชาวไทยเชื่อสายจีน ประชาชนชนในพื้นที่ รวมทั้งนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวชมงานกันอย่างไม่ขาดสายตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา

โดยในวันนี้ถือเป็นพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการที่ในช่วงเช้าที่ผ่านมา ทางด้าน นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยว ได้ร่วมกันเป็นประธานในการเปิดงานอย่างยิ่งใหญ่ ภายหลังจากช่วง 2 ปีที่ผ่านมา การจัดงานนั้นต้องถูกระงับไปจากผลกระทบของโรคโควิด-19 ทำให้ในปีนี้ เป็นปีที่มีการกลับมาจัดงานแบบเต็มรูปแบบอีกครั้ง และมีประชาชนรวมไปถึงนักท่องเที่ยวให้ความสนใจเข้ามาท่องเที่ยวและร่วมชมงานอย่างเนืองแน่น

สำหรับกิจกรรมในปีนี้ มีการจัดงานมาตั้งแต่วันที่ 21-23 ม.ค.66 โดยบริเวณดังกล่าวมีการจัดกิจกรรมมากมายเพื่อให้ประชาชนได้ร่วมชม ทั้งในส่วนของการประกวดต่างๆ รวมไปถึงการแสดงโชว์เชิดมังกร เชิดสิงโต และการออกบูทร้านอาหารหลากหลายร้านที่มีการนำอาหารชั้นนำจากหลายพื้นที่มาเปิดขายเพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ลิ้มลองราชาติ นอกจากนี้ยังมีการออกบูทกิจกรรมจากหน่วยงานในจังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งการจัดซุ่มประดับโคมแดง หลากหลายจุดที่เปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ถ่ายภาพ ทำให้ในวันนี้มีประชาชนนักท่องเที่ยวต่างพากันแต่งชุดกี่เพ้าสีแดง มาร่วมงานเพื่อให้เข้ากับเทศกาลที่จัดขึ้นในวันนี้

ขณะที่การจัดงานในปีนี้โดยภาพรวมพบว่ามีความคึกคักมากกว่าช่วงระยะ 2 ปีที่ผ่านมา และพบว่ามีประชาชน รวมทั้งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามากันเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ภาพรวมธุรกิจการท่องเที่ยวดีขึ้น โดยทางด้านเทศบาลนครเชียงใหม่ ซึ่งเป็นแม่หลักการจัดงานคาดการณ์ว่าในปีนี้จะมียอดเงินสะพัดจากการจัดงานเทศกาลตรุษจีนครั้งนี้ไม่ต่ำกว่าพันล้านบาท

ร่วมแสดงความคิดเห็น