ช่วงหน้าหนาวของทุกปี นอกจากจะเป็นช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยวภาคเหนือ ซึ่งเปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจรับรายได้จากนักท่องเที่ยวอย่างมหาศาล ในปี 2566 นี้ ภาคเหนือของเราจะร่วมเป็นเจ้าภาพมหกรรมจัดแสดงงานศิลปะระดับโลก Thailand Biennale, Chiang Rai 2023
อะไรคือ Thailand Biennale ?
เพราะอะไรเราถึงต้องสนใจ ?
ภาคเหนือจะได้รับการกระตุ้นทางเศรษฐกิจอย่างไรจากงานนี้ ?
คำถามทั้งหมดที่หลายคนสงสัย
ในวันนี้ ทาง Chiang Mai Move จะมาให้คำตอบเพื่อให้ทักคนได้ทราบโดยถ้วนกัน
ก่อนจะไปถึงงาน Thailand Biennale เราต้องมาทำความรู้จักกับคำว่า Biennale กันก่อน โดยคำว่า Biennale นั้นมาจากภาษาอิตาเลียน ที่แปลว่า “ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทุก ๆ 2 ปี หรือเกิดขึ้นทุกปีเว้นปี (every other year)” ซึ่งในที่นี้ เราหมายถึง เทศกาลศิลปะนานาชาติ ที่จัดขึ้นทุก 2 ปี โดยมีจุดกำเนิดมาจาก Venice Biennale เมืองเวนิสประเทศอิตาลี ซึ่งปัจจุบันถือเป็นงานเทศกาลศิลปะนานาชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
โดยงานนี้ได้จัดขึ้นมาตั้งแต่ พ.ศ. 2438 เพื่อฟื้นฟูเมืองเวนิสที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการเมืองในศตวรรษนั้น ให้กลับมาเป็นที่ดึงดูดของผู้คนจากทั่วทุกสารทิศอีกครั้ง ซึ่งงานดังกล่าว ได้แจ้งเกิดศิลปินชื่อดังระดับโลกหลายราย อาทิ ยาโยอิ คุซามะ ศิลปินญี่ปุ่นชื่อดังที่มีเอกลักษณ์จากผลงานลายจุด เป็นต้น
สำหรับงาน Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 จัดขึ้นโดย สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม เพื่อส่งเสริมพัฒนาการในแวดวงศิลปะร่วมสมัยไทย เสริมสร้างแรงบันดาลใจ และความสามารถในการสร้างสรรค์ให้กับศิลปินรุ่นใหม่ รวมถึงให้ความรู้และพัฒนาองค์ความรู้เกี่ยวกับปฏิบัติการภัณฑารักษ์ ซึ่งงานนี้จัดขึ้นครังแรกที่จังหวัดกระบี่ เมื่อปี พ.ศ. 2561 และจังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. 2564 และจะเปลี่ยนสถานที่จัดงานในทุกครั้ง
สำหรับปีนี้ จะจัดขึ้นที่จังหวัดเชียงราย ระหว่างวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2566 – 30 เมษายน พ.ศ. 2567 และจะมีศิลปินจากทั่วโลก 21 ประเทศ แบ่งเป็นศิลปินไทย 21 คน และต่างชาติ 239 คน เข้าร่วมการจัดแสดงงานศิลปะครั้งนี้ นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้ศิลปินท้องถิ่นเข้าร่วมจัดแสดงผลงานอีกด้วย
ด้วยแนวคิดการจัดงานแนวคิด “เปิดโลก (The Open World)” โดยมี ฤกษ์ฤทธิ์ ตีระวนิช ร่วมกับ กฤติยา กาวีวงศ์ ทำหน้าที่ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ พร้อมด้วย ภัณฑารักษ์ อังกฤษ อัจฉริยโสภณ และมนุพร เหลืองอร่าม จะร่วมกันจัดแสดงผลงานศิลปะของศิลปินไทยและต่างชาติ จากลุ่มน้ำโขงถึงแม่น้ำอะเมซอน ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์วัฒนธรรม จนถึงธรรมชาติและนิเวศวิทยา ในพื้นที่สำคัญทั่วจังหวัดเชียงราย เช่น หอศิลป์ ศูนย์ประชุม พิพิธภัณฑ์ วัด ตลอดจนโบราณสถาน
นอกจากงาน Thailand Biennale จะช่วยขับเคลื่อนวงการศิลปะร่วมสมัยของไทย ให้ไปสู่ระดับนานาชาติ และเปิดพื้นที่ให้ศิลปินไทยได้มีพื้นที่จัดแสดงผลงานแล้ว ยังช่วยยกระดับจังหวัดเชียงราย สู่เมืองท่องเที่ยวเชิงเศรษฐกิจสร้างสรรค์ระดับโลกอีกด้วย สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐ ที่ต้องการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์และ Soft Power รวมทั้งงานนี้จะช่วยดึงดูดศิลปินและนักท่องเที่ยว เดินทางเข้ามาในจังหวัดเชียงรายมากขึ้น เพิ่มรายได้ในส่วนของการท่องเที่ยว โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในจังหวัดเชียงรายและจังหวัดใกล้เคียงอย่าง พะเยา แพร่ น่าน สูงถึง 5 ล้านราย สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในพื้นที่สูงกว่า 30,000 ล้านบาท
เพราะฉะนั้นแล้ว Thailand Biennale 2023 ที่จะจัดขึ้นปลายปีนี้เป็นตันไป ถือเป็นอีกงานที่ต้องจับตา ในฐานะอีกหมุดหมายสำคัญ ที่จะส่งเสริมและผลักดันวงการศิลปะ เศรษฐกิจสร้างสรรค์ และการท่องเที่ยวภาคเหนือให้เติบโต และพัฒนาเมืองเชียงราย ให้กลายเป็นอีกแลนด์มาร์คสำคัญทางศิลปะนานาชาติ
ที่มา : ไทยโพสต์ , Groundcontroleth , การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย , Thailand Biennale , กรมประชาสัมพันธ์ , ไทยรัฐ
ร่วมแสดงความคิดเห็น