คืบหน้าเหตุสะเทือนขวัญฆ่าโหดเผาศพหญิงวัย 63 ปี

สะเทือนขวัญ พบร่างหญิงวัย 63 ปี ถูกเผาคาบ้านหลังได้เงินปันผลสหกรณ์ได้ไม่กี่วัน เจ้าหน้าที่เร่งหาเบาะแส

ความคืบหน้ากรณีชุดสืบสวน สภ.แม่ริม และ ชุดสืบสวนภธรจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานและแพทย์เวรโรงพยาบาลนครพิงค์ เข้าตรวจสอบภายในบ้านเลขที่ 64 หมู่ 3 ต.ริมใต้ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ หลังได้รับแจ้งจากผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านว่าพบศพหญิงวัย 63 ปี เจ้าของบ้าน ถูกฆ่าเผาอย่างโหดเหี้ยมในสวนข้างบ้าน

จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นบ้านสองชั้นบนเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ พบศพของ นางยุพิน (สงวนนามสกุล) อายุ 63 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านอยู่บริเวณสวนด้านข้างบ้าน ห่างจากตัวบ้านราว 5 เมตร สภาพศพถูกเผาจนไหม้เกรียม เหลือเพียงร่างส่วนบน ใกล้กันพบตระกร้าผ้าและเสื้อผ้าบางส่วน

ขณะที่ประตูบ้านด้านหน้าถูกล็อคเอาไว้ ในห้องครัวพบแก้วที่มีกาแฟชงไว้แต่ยังดื่มไม่หมดและมีน้ำหวานอีกขวดหนึ่ง ในตัวบ้านไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือรื้อค้นทรัพย์สิน แต่พบร่องรอยตระกร้าผ้ากระจัดกระจายบริเวณประตูหลังบ้านที่อยู่ใกล้กับจุดพบศพ
เจ้าหน้าที่ได้นำกล้องวงจรปิดที่อยู่ด้านหน้าบ้านไปตรวจสอบ โดยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เก็บร่องรอยเพื่อตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์

นางสาวพัลยมนต์ สร้อยงาม ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 เปิดเผยว่า ผู้ตายอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้เพียงลำพังหลังจากสามีเสียชีวิตมานานหลายปี ส่วนลูกชายและลูกสาวไปทำงานอยู่ต่างจังหวัด โดยผู้ตายเป็นคนร่าเริงอารมณ์ดี ไม่เคยมีปัญหากับใครและที่ผ่านมาก็ไม่เคยเห็นคนแปลกหน้าเข้าออกบ้านหลังนี้

ก่อนจะพบเป็นศพได้รับการร่องขอจากญาติของผู้ตายที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ขอให้ช่วยมาดูที่บ้าน หลังจากขาดการติดต่อมาแล้วสองวัน เมื่อมาดูก็พบถูกฆ่าเผาดังกล่าว

ขณะที่ญาติเล่าว่าผู้ตายเคยทำงานเป็นลูกจ้างที่โรงพยาบาลตำรวจค่ายดารารัศมี อ.แม่ริม หลังจากเกษียณเมื่อสามีปีก่อนก็อยู่ที่บ้านหลังนี้ตามปกติ ผู้ตายเป็นคนชอบทำบุญเป็นที่รักของเพื่อน ๆ ก่อนที่จะพบว่าเสียชีวิต เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ที่ผ่านมา ผู้ตายบอกว่าได้เงินปันผลจากสหกรณ์ที่ทำงานเดิมเป็นเงินหลักแสนและบอกว่าจะโอนเงินมาใช้หนี้ให้กับญาติเป็นเงิน 10,000 บาท และ ยังพูดเล่นด้วยว่าจะแจกเงินให้เพื่อน ๆ คนละสองพันบาท

นอกจากนี้นยังทราบว่าก่อนเสียชีวิตได้ไปเอาทองที่ฝากไว้กับญาติกลับมาเก็บไว้ที่บ้านอีก 10 บาท แต่หลังจากนั้นในวันที่ 12 ตุลาคม ก็ขาดการติดต่อ ลูกชายที่ทำงานอยู่ จ.ปราจีนบุรี ซึ่งโดยปกติก็จะดูกล้องวงจรปิดผ่านสมาร์ทโฟนเป็นประจำ รู้สึกกังวลใจและเป็นห่วงที่ไม่เห็นแม่มาสองวันจึงแจ้งญาติให้เข้ามาดูจนพบเรื่องราวสลดใจดังกล่าว ทำให้เชื่อว่าอาจเป็นการฆ่าชิงทรัพย์จากคนใกล้ชิด

อย่างไรก็ตาม หลังตรวจสอบที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้นำร่างส่งชันสูตรทางนิติเวชที่โรงพยาบาลนครพิงค์เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต ขณะที่ตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบทองรูปพรรณและทรัพย์สิน แต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียด ระบุว่าอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน

ร่วมแสดงความคิดเห็น