เมื่อวันจันทร์ (6 พ.ค.) จีนและฝรั่งเศสให้คำมั่นดำเนินมาตรการที่มีประสิทธิภาพเพื่อจัดการความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทั้งความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจริงหรือที่อาจเกิดขึ้น และเสริมสร้างธรรมาภิบาลเอไอระดับโลกเพื่อส่งเสริมการพัฒนาและการนำไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนรวม
ระหว่างที่สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีน เดินทางเยือนฝรั่งเศสตามคำเชิญของเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ผู้นำประเทศทั้งสองได้บรรลุฉันทามติหลายประการเกี่ยวกับความร่วมมือทวิภาคีและพหุภาคีเพื่อการใช้และควบคุมเทคโนโลยีเอไออย่างเหมาะสม
แถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับเอไอและธรรมาภิบาลระดับโลกที่เผยแพร่โดยทั้งสองฝ่าย ระบุว่าจีนและฝรั่งเศสตระหนักถึงบทบาทสำคัญของเอไอในการพัฒนาและนวัตกรรม รวมทั้งคำนึงถึงความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นจากการพัฒนาและการใช้งานเอไอ จึงเห็นพ้องถึงความสำคัญของการส่งเสริมการพัฒนาและความมั่นคงของเอไอ และการส่งเสริมธรรมาภิบาลระหว่างประเทศที่เหมาะสมเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้
ฝรั่งเศสและจีนเห็นพ้องว่าธรรมาภิบาลเอไอระดับโลกควรเอื้อให้เกิดความยืดหยุ่นเพื่อเกื้อหนุนการพัฒนาเทคโนโลยีที่มีวิวัฒนาการไปอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว ควบคู่กับความจำเป็นในการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลและสิทธิของผู้ใช้ประโยชน์จากเอไอ
ทั้งสองประเทศมีความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยมในการส่งเสริมระบบเอไอที่ปลอดภัย มั่นคง และเชื่อถือได้บนพื้นฐานหลักการเอไอเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ผ่านการเจรจาที่รอบด้านและครอบคลุม และผ่านการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศและการทำงานร่วมกันภายใต้กรอบการกำกับดูแลและแผนริเริ่มด้านเอไอ ซึ่งต่อยอดมาจากงานที่มีการจัดทำในระดับสหประชาชาติ (UN)
แถลงการณ์ร่วมระบุว่าทั้งสองประเทศตระหนักดีว่าโอกาส ความเสี่ยง และความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับเอไอนั้นมีอยู่ทั่วโลก พร้อมเน้นย้ำความสำคัญของการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศในบริบทของการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อรับรองความมั่นคง เสถียรภาพ ตลอดจนการเคารพอธิปไตยและสิทธิขั้นพื้นฐานระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ ฝรั่งเศสและจีนยังตกลงที่จะมีส่วนร่วมในการเสริมสร้างขีดความสามารถทางไซเบอร์ของรัฐต่างๆ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา เพื่อรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ทุกประเภท ซึ่งรวมถึงภัยคุกคามที่เกี่ยวข้องกับเอไอ
(แฟ้มภาพซินหัว : การประชุมเกี่ยวกับการพัฒนาของประชาชน และการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างจีนและฝรั่งเศส จัดขึ้นที่กรุงปารีส วันที่ 4 พ.ค. 2024)
ร่วมแสดงความคิดเห็น