ป.ป.ส. ร่วมภาคี ประสานมาเลเซีย รับตัวผู้ร้ายข้ามแดน

ป.ป.ส. ร่วมภาคี ประสานมาเลเซีย รับตัวผู้ร้ายข้ามแดน เกี่ยวข้องส่งไอซ์ คีตามีน กว่า 600 กก.

วันที่ 1 เมษายน 2567 พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. เผยถึงการรับตัวผู้ร้ายข้ามแดนคดียาเสพติดจากประเทศมาเลเซีย จำนวน 2 ราย โดยได้มอบหมายให้ สำนักงาน ปปส.ภาค 9 ร่วมกับ ตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองนราธิวาส และเจ้าหน้าที่ทหาร กอ.รมน.ภาค 4 สน. เข้ารับตัวผู้ร้ายข้ามแดน ณ ชายแดนไทย-มาเลเซีย อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส

การรับตัวผู้ร้ายข้ามแดนในครั้งนี้ สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2566 เวลาประมาณ 02.00 น. ร้อยเวรสอบสวน สภ.ปราณบุรี ได้รับแจ้งว่า พบรถยนต์กระบะ ทะเบียนเบตง ประสบอุบัติเหตุพลิกคว่ำอยู่ที่ริมถนนสายบายพาส ชะอำ – ปราณบุรี ขาล่องใต้ ม.3 ต.วังก์พง อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ จากการตรวจที่เกิดเหตุไม่พบคนขับ แต่พบไอซ์ จำนวน 499 กก. และคีตามีน จำนวน 100 กก. ซุกซ่อนอยู่ภายในรถยนต์คันดังกล่าว

จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปราณบุรี ทราบว่า รถยนต์กระบะคันดังกล่าว มีนายอารีฟ เป็นคนขับ และภายหลังจากเกิดอุบัติเหตุ นายอิลฟาน และนายมุสตากีม ผู้ต้องหาคดีนี้ ขับรถยนต์เก๋ง มารับและหลบหนีไปพร้อมกัน จนต่อมาศาลจังหวัดหัวหินได้ออกหมายจับบุคคลทั้ง 3 ราย

ภายหลังศาลออกหมายจับ สำนักงาน ปปส.ภาค 9 และเจ้าพนักงานตำรวจ สังกัดจากกองกำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน จังหวัดชายแดนใต้ สืบทราบว่า บุคคลตามหมายจับทั้ง 3 ราย หลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ที่รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด ประเทศมาเลเซีย (NCID) ร่วมสืบสวน จนสามารถผลักดันนายอารีฟ กลับไทย และได้จับกุมไปก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนนายอิลฟาน และนายมุสตากีม ถูกดำเนินคดีข้อหาเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย จนกระทั่งพ้นโทษและกำหนดเนรเทศกลับไทยในวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด ประเทศมาเลเซีย จึงประสานแจ้งข่าวมายังเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเพื่อจับกุมนายอิลฟาน และนายมุสตากีม ที่ชายแดน อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส ในวันนี้

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า หลังได้รับตัวผู้ต้องหา สำนักงาน ป.ป.ส. จะดำเนินการขยายผลถึงผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งในคดีนี้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดจำนวนมากและเชื่อว่าจะเป็นเครือข่ายที่มีความเชื่อมโยงกับการส่งยาเสพติดไปยังภาคใต้ และการส่งผ่านไปยังประเทศที่สามผ่านบริเวณชายแดนหรือทางเรือขนส่งสินค้า นอกจากนั้นจะสืบสวนทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดติดเพื่อดำเนินการยึดทรัพย์

โดยในเบื้องต้นได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันจำหน่ายโดยมีไว้เพื่อจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐและความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป, ร่วมกันจำหน่ายโดยมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 (คีตามีน) อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวอีกว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้มีนโยบายในการดำเนินนโยบายร่วมมือกับต่างประเทศเชิงรุก โดยนอกจากการประสานงานการสกัดกั้นยาเสพติด สารตั้งต้นบริเวณชายแดน ต้องประสานงานกับต่างประเทศในการนำตัวผู้ต้องหาเครือข่ายยาเสพติดที่หลบหนีคดีไปยังต่างประเทศ มาดำเนินคดีในประเทศไทย โดยก่อนหน้านี้ สปป.ลาว ได้ส่งตัว นายอ่องกิมวานักค้ายาเสพติดรายสำคัญ มาดำเนินคดีในไทย และเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา เมียนมาก็ได้ส่งตัวผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับจำนวน 2 ราย ซึ่งผู้ต้องหาหลบหนีเหล่านี้แม้จะหลบหนีแต่ยังคงสร้างปัญหาในการสั่งการส่งยาเสพติดข้ามประเทศ ทั้งนี้ สำนักงาน ป.ป.ส. จะประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้านในการนำผู้ต้องหาเหล่านี้มาดำเนินคดีต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น