หนุ่มเวียงสาเสพยาจนหลอน บุกพังร้านขายของในเมืองน่าน

เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2567 เวลา 07.30 น. ศูนย์วิทยุ 191 ตำรวจภูธรจังหวัดน่าน รับแจ้งเหตุมีชายคลุ้มคลั่งอาละวาดบุกทำลายสินค้าในร้านขายของแห่งหนึ่ง บริเวณทางเข้าโครงการน้ำทองน่าน ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน หลังรับแจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรเมืองน่าน เข้าไประงับเหตุ พบชายรายหนึ่ง อายุประมาณ 30 ปี กำลังอาละวาดทำลายข้าวของ พูดจาโวยวายว่าจะมีคนมาฆ่าผม เจ้าหน้าที่จึงทำการควบคุมตัว ทราบชื่อในเวลาต่อมาคือ นายชัยวัฒน์ อายุ 30 ปี ภูมิลำเนาบ้านห้วยสอน ตำบลไหล่น่าน อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน

จึงได้นำตัวมาซักถามที่ สภ.เมืองน่าน แต่ผู้ก่อเหตุยังไม่สงบยังหวาดระแวง ว่าจะมีคนมาฆ่า จากการซักถามได้ความว่า ได้เสพยาบ้ามา 5 วันติดต่อกัน โดยเสพวันละไม่เกิน 5 เม็ด ไม่ได้หลับมา 5 วัน เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจปัสสาวะ พบมีสารเสพติด จึงนำตัวส่งรักษาเข้ามารักษาเนื่องจากมีอาการคลุ้มคลั่ง และพักรักษาที่ตึกวันน่านสันติสุข แผนกจิตเวช ชั้น 5 โรงพยาบาลน่าน ทำการรักษา ต่อไป

ด้าน นางสุภกาญธ์ อายุ 57 ปี เจ้าของร้าน ได้เล่าให้ฟังว่า ในช่วงเช้าเวลาประมาณ 06.30 น. ได้เปิดร้านค้าของชำตามปกติ ได้เดินตรวจความเรียบร้อยหน้าร้าน ก็ได้ยินเสียชายคนดังกล่าว เอะอะโวยวาย ว่าช่วยผมด้วยเข้าจะฆ่าผม โทรศัพท์ผมเป็นอะไรไม่รู้ โดยชายคนดังกล่าวได้เปิดโทรศัพท์พยายามกดโทรออกและเลื่อนโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ จากนั้น ได้พยายามเข้ามาในร้านของชำ ตนเองเห็นท่าไม่ดีจึงได้ตะโกนให้คนมาช่วย จากนั้นชายคนดังกล่าวได้พยายามหนีเข้ามาในร้านมาอยู่ตรงบริเวณเคาท์เตอร์เก็บเงิน ทางด้านสามีของตนจึงได้พยายามมาดึงออก แต่ด้วยชายคนดังกล่าวมีแรงเยอะมากจึงไม่สามารถดึงออกไปได้ จึงได้เรียกคนมาช่วย โดยมีพลเมืองดีที่อยู่แถวนั้นและกำลังจะเข้ามาซื้อของรวมไปถึงลูกชาย มาช่วยกันดึงออกไปอยู่หน้าร้านและนำเชือกมามัดไว้

ทางด้าน นางสุภกาญธ์ อายุ 57 ปี เจ้าของร้าน ได้เล่าให้ฟังว่า ในช่วงเช้าเวลาประมาณ 06.30 น. ได้เปิดร้านค้าของชำตามปกติ ได้เดินตรวจความเรียบร้อยหน้าร้าน ก็ได้ยินเสียชายคนดังกล่าว เอะอะโวยวาย ว่าช่วยผมด้วยเข้าจะฆ่าผม โทรศัพท์ผมเป็นอะไรไม่รู้ โดยชายคนดังกล่าวได้เปิดโทรศัพท์พยายามกดโทรออกและเลื่อนโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ จากนั้น ได้พยายามเข้ามาในร้านของชำ ตนเองเห็นท่าไม่ดีจึงได้ตะโกนให้คนมาช่วย จากนั้นชายคนดังกล่าวได้พยายามหนีเข้ามาในร้านมาอยู่ตรงบริเวณเตาท์เตอร์เก็บเงิน ทางด้านสามีของตนจึงได้พยายามมาดึงออก แต่ด้วยชายคนดังกล่าวมีแรงเยอะมากจึงไม่สามารถดึงออกไปได้ จึงได้เรียกคนมาช่วย โดยมีพลเมืองดีที่อยู่แถวนั้นและกำลังจะเข้ามาซื้อของรวมไปถึงลูกชาย มาช่วยกันดึงออกไปอยู่หน้าร้านและนำเชือกมามัดไว้

ทางด้าน นางสุภกาญธ์ อายุ 57 ปี เจ้าของร้าน กล่าวต่ออีกว่า ตนเองรู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก ถ้าหากชายคนดังกล่าวนั้นมีอาวุธ ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุอะไรขึ้น จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ช่วยสอดส่องดูแล ให้มากขึ้นกว่านี้อีกทาง

ร่วมแสดงความคิดเห็น