ปภ.รายงานยังคงมีน้ำท่วมใน 3 จังหวัด ประสานฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัย

ปภ.รายงานยังคงมีน้ำท่วมใน 3 จังหวัด ประสานพื้นที่เร่งระบายน้ำและฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัย

วันนี้ (7 ธ.ค. 65) เวลา 10.30 น. ปภ.รายงานยังคงมีน้ำท่วมใน 3 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร นครศรีธรรมราช และ
สุราษฎร์ธานี รวม 10 อำเภอ 36 ตำบล 229 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 9,652 ครัวเรือน ทั้งนี้ ปภ. ได้ประสานจังหวัดดูแลช่วยเหลือผู้ประสบภัยและเร่งระบายน้ำท่วมขัง รวมถึงสำรวจจัดทำบัญชีความเสียหายเพื่อให้การช่วยเหลือตามระเบียบหลักเกณฑ์ต่อไป

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทา
สาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานสถานการณ์จากหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมทะเลอันดามันตอนล่าง ในขณะที่ร่องมรสุมยังคงพาดผ่านภาคใต้ตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังปานกลาง และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ ตั้งแต่วันที่ 3-7 ธ.ค. 65 พื้นที่ประสบน้ำท่วมรวม 6 จังหวัด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี พัทลุง รวม 25 อำเภอ 110 ตำบล 691 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 31,355 ครัวเรือน ยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัด รวม 10 อำเภอ 36 ตำบล 229 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 9,652 ครัวเรือน ดังนี้

  1. ชุมพร น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองชุมพร อำเภอหลังสวน และอำเภอท่าแซะ รวม 8 ตำบล
    34 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,965 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
  2. นครศรีธรรมราช น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสิชล และอำเภอท่าศาลา รวม 7 ตำบล 64 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,070 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
  3. สุราษฎร์ธานี น้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอกาญจนดิษฐ์ อำเภอดอนสัก อำเภอท่าชนะ อำเภอไชยา และอำเภอท่าฉาง รวม 21 ตำบล 131 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 6,617 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
    กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ประสานจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยทหารในพื้นที่
    อปพร. อาสาสมัคร มูลนิธิ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลัง พร้อมเร่งระบายน้ำเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ
    ทั้งนี้

ร่วมแสดงความคิดเห็น