โรงแรมเถื่อนเชียงใหม่ปรับแผนพื้นที่สีเขียว 30% แก้ผังเมืองและศักยภาพสร้างรายได้

ขณะที่การท่องเที่ยวกำลังกลับมาคึกคัก ถือเป็นเวลาที่ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม ที่พักจะเริ่มกลับมากอบโกยรายได้ โดยก่อนเกิดโควิด-19 มีการประเมินกันว่า โรงแรมในประเทศไทยมีประมาณ 84,000 แห่ง แต่มีใบอนุญาตประกอบกิจการโรงแรมได้ตามพระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. 2551 เพียง 14,000 แห่ง ที่เหลือประมาณ 70,000 แห่ง “ไม่มีใบอนุญาต”

ทั้งนี้ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2566 และมติ ครม.วันที่ 14 มีนาคม 2566 อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง 2 ฉบับใหม่ โดยฉบับแรกเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดประเภทและหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจโรงแรม พ.ศ. 2551

โดยแก้ไขให้ “แพ เต็นท์ กระโจม” ซึ่งเป็นสถานที่พักที่มีจำนวนไม่เกิน 8 ห้อง และมีจำนวนผู้พักรวมกันทั้งหมดไม่เกิน 30 คนให้บริการได้ โดยกำหนดเงื่อนไขต่าง ๆ เพื่อความปลอดภัยสำหรับผู้พัก เช่น ต้องจัดให้มีเสื้อชูชีพ แสงสว่างอย่างเพียงพอในห้องพัก และบริเวณทางเดิน

ส่วนอีกฉบับทางกระทรวงมหาดไทย (มท.) เสนอร่างกฎกระทรวงฉบับใหม่ กำหนดให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารประเภทอื่นที่จะขอใบรับรองการดัดแปลงอาคารหรือใบอนุญาตเปลี่ยนการใช้อาคารมาประกอบธุรกิจโรงแรมได้ โดยยกเว้นข้อกำหนดที่ผู้ครอบครองอาคารไม่ต้องปฏิบัติ

ได้แก่ ที่ว่างของอาคาร ช่องทางเดินในอาคาร ความกว้างของบันได แนวอาคาร ระยะดิ่งของอาคาร ระยะหรือระดับระหว่างอาคารกับอาคารหรือเขตที่ดินของผู้อื่น หรือระหว่างอาคารกับถนน ตรอก ซอยทางเท้า ทางหรือที่สาธารณะ และที่จอดรถยนต์

ทั้งนี้ ต้องมีวิศวกรประเมินความมั่นคงแข็งแรงของโครงสร้างอาคารว่าสามารถใช้เพื่อประกอบธุรกิจโรงแรมได้ โดยต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จ ก่อนที่จะยื่นขออนุญาตเปลี่ยนการใช้อาคาร และได้ขยายระยะเวลาการใช้บังคับกฎกระทรวง และกำหนดเวลาต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จในวันที่ 18 สิงหาคม 2568 นั้น

รัฐบาลได้เข้ามาดูแลเพื่อผลักดันให้โรงแรมขนาดเล็กในเชียงใหม่เข้าสู่ระบบและขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมตามกฎหมายโดยทำการขยายเวลาในการดัดแปลงอาคารที่ก่อสร้างไว้แล้วเพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยตัวแทนผู้ประกอบการเจ้าของโรงแรมขนาดเล็กและสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ ยื่นความร่วมมือใกล้ชิดในกระบวนการนี้ อย่างไรก็ตาม ปัญหาของโรงแรมเถื่อนในเชียงใหม่ยังคงมีอยู่ในระดับสูง ซึ่งยังคงต้องพบกับปัญหาผังเมืองที่กำหนดให้ต้องมีพื้นที่สีเขียวอย่างน้อย 30% ของพื้นที่โรงแรม ทำให้ไม่สามารถขอใบอนุญาตโรงแรมได้ตามกฎหมายโรงแรม การทำธุรกิจโรงแรมนี้มีอัตราส่วนแค่ 10% ของโรงแรมเถื่อนทั้งหมดที่มีใบอนุญาตเท่านั้น

แม้มติ ครม. จะปลดล็อกให้แล้ว แต่โรงแรมส่วนใหญ่ในเชียงใหม่ที่ไม่มีใบอนุญาตยังติดปัญหากฎหมายผังเมือง พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 โดยเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2566 ได้ทำการสำรวจผู้ประกอบการท่องเที่ยวผ่านช่องทางออนไลน์ (OTA) ในจังหวัดเชียงใหม่

พบว่า มีจำนวน 6,300 แห่ง แบ่งผู้ประกอบการที่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม ประมาณ 800 กว่าแห่ง ที่เหลือ 5,000 กว่าแห่งไม่มีใบอนุญาต ทั้งนี้ ในจำนวน 5,000 กว่าแห่ง แบ่งเป็นโรงแรมที่ติดปัญหากฎหมายผังเมือง และ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ประมาณ 3,000 แห่ง ที่พักที่ไม่ใช่โรงแรม ประมาณ 500-600 แห่ง

อีกส่วนติดปัญหาที่ดินทับซ้อนบนดอยบนเขา เช่น ที่ม่อนแจ่ม ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มนี้มีการยื่นเรื่องต่อสู้กับทางภาครัฐอยู่ ดังนั้นการให้เวลาดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ ภายใน 2 ปี คือ ปี 2568 อาจจะไม่ทัน เมื่อใกล้ถึงกำหนดเวลาต้องทำเรื่องขอผ่อนผันออกไป

สภาพโรงแรมเถื่อนในเชียงใหม่

การเติบโตของโรงแรมเถื่อนในเชียงใหม่เป็นอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้มีโรงแรมเถื่อนมากถึง 6,000 แห่ง แต่ในขณะเดียวกันก็มีแค่ 600 แห่งที่ได้รับใบอนุญาตตามกฎหมาย สัดส่วนนี้เป็นส่วนน้อยเพียง 10% เท่านั้น ทำให้เกิดการเจตนาจากอาคารที่ก่อสร้างขึ้นมาเป็นโรงแรมขนาดเล็ก ๆ จนไม่สามารถขอใบอนุญาตโรงแรมได้ตามกฎหมาย ทำให้เจ้าของโรงแรมต้องพบกับปัญหาทางกฎหมายและข้อจำกัดในการขอใบอนุญาตโรงแรม

มาตรการของรัฐบาลเพื่อแก้ไขปัญหา

เพื่อแก้ไขปัญหาโรงแรมเถื่อนในเชียงใหม่ รัฐบาลได้มีการดำเนินการในหลายด้าน เริ่มตั้งแต่การขยายเวลาในการดัดแปลงอาคารที่ก่อสร้างไว้แล้ว เพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยปรากฏว่ามีการปรับปรุงพื้นที่สีเขียวของโรงแรมเถื่อนที่เกิดขึ้นอยู่แล้วโดยการเพิ่มกระถางต้นไม้หรือตกแต่งพื้นที่ด้วยต้นไม้ ทำให้สามารถขอใบอนุญาตโรงแรมได้ และในขั้นตอนต่อไป มีร่างกฎกระทรวงที่กำหนดการใหม่เพื่อทำให้การดัดแปลงอาคารที่ก่อสร้างเป็นโรงแรมมีความถูกต้องตามกฎหมาย เช่น ปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในอาคาร และกำหนดระยะเวลาในการยื่นใบอนุญาตโรงแรมเถื่อนแบบไม่กำหนดเวลาสิ้นสุด ทำให้ผู้ประกอบการสามารถปรับปรุงพื้นที่สีเขียวเพิ่มเติมได้ในอนาคต

สรุป

ปัญหาโรงแรมเถื่อนในเชียงใหม่ที่ไม่สามารถขอใบอนุญาตโรงแรมได้ตามกฎหมายยังคงคงต้องพบกับการดำเนินการในเรื่องของผังเมือง ทำให้ไม่สามารถตรงต่อตรงประสาทปัญหาในเรื่องของพื้นที่สีเขียว 30% ในพื้นที่ของโรงแรมที่ต้องมีการดัดแปลงตามกฎหมาย แต่ยังคงมีโอกาสในการแก้ไขปัญหาใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น เช่น สมาคมที่พักบูติกเชียงใหม่เตรียมขอเข้าพบผู้ว่าราชการเพื่อขอยกเว้นการปรับปรุงพื้นที่สีเขียว ในกรณีที่อาคารโรงแรมเถื่อนเก่านั้นไม่สามารถขออนุญาตใบประกอบธุรกิจโรงแรมตามกฎหมายได้ ซึ่งการแก้ไขปัญหาในด้านนี้จำเป็นต้องได้รับความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกันจากสองฝ่าย โดยสามารถนำเสนอแนวทางใหม่ในการใช้ประโยชน์ของพื้นที่สีเขียวในอาคารเพิ่มเติมเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาโดยทั้งสองฝ่ายและสามารถนำมาใช้เพื่อพัฒนาเมืองเชียงใหม่ให้มีความสะดวกสบายและมีความสมดุลในการใช้งานพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในการใช้งานในอนาคต

เรียบเรียงโดย : บ่าวหัวเสือ

ร่วมแสดงความคิดเห็น