เชียงใหม่วิกฤต! พบผู้ป่วยเลือดกำเดาไหล โดยไม่ทราบสาเหตุเพิ่มสูงขึ้น

เชียงใหม่พบผู้ป่วยเลือดกำเดาไหล โดยไม่ทราบสาเหตุเพิ่มสูงขึ้น แพทย์ มช. เผยฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ปัจจัยหลักทำยอดผู้ป่วยเพิ่มถึงสองเท่า แนะกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มเปราะบาง ดูแลสุขภาพ

อาจารย์แพทย์ภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เผยผลวิจัยที่นักศึกษาแพทย์ทำงานร่วมกับอาจารย์แพทย์ ระบุจากการเก็บรวบข้อมูลคนไข้ที่มาด้วยอาการเลือดกำเดาไหล ทั้งในแผนกผู้ป่วยนอกและแผนกฉุกเฉิน พบว่าช่วงเวลาที่ค่าพีเอ็ม 2.5 เพิ่มสูงขึ้น อุบัติการณ์ของคนไข้ที่มีเลือดกำเดาไหลโดยไม่ทราบสาเหตุ ก็เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย

รศ.พญ.กรรณิการ์ รุ่งโรจน์วัฒนศิริ หัวหน้าภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – เมษายน ของทุกปี ภาคเหนือตอนบนต้องเผชิญกับปัญหาค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือพีเอ็ม 2.5 ที่สูงขึ้นเกินค่ามาตรฐาน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงทั้งเด็กเล็ก ผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว อาการที่มักจะพบบ่อยคือ ตาแดง ผื่นขึ้นตามส่วนต่างๆของร่างกาย เยื่อบุจมูกอักเสบและเลือดกำเดาไหล ซึ่งเป็นอีกหนึ่งอาการที่ผู้ปกครองมักพาบุตรหลานมาพบแพทย์บ่อยที่สุด

สาเหตุที่เด็กมีเลือดกำเดาไหลในช่วงที่มีค่าฝุ่นพีเอ็ม 2.5 สูงนั้น เมื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างอุบัติการณ์ของการเกิดเลือดกำเดาไหล ในผู้ป่วยนอกเเละห้องฉุกเฉินของ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ กับค่าฝุ่นที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางน้อยกว่า 2.5 ไมครอน ในช่วงที่มีฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 พบว่าในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – เมษายน จะมีคนไข้เลือดกำเดาไหลโดยไม่ทราบสาเหตุเพิ่มขึ้นสองเท่า จากปกติเดือนละไม่ถึง 10 คน เพิ่มเป็นเดือนละประมาณ 20 คน จากสถิติทำให้พบว่าค่าฝุ่นพีเอ็ม 2.5 มีความสัมพันธ์กับจำนวนผู้ป่วยที่มาโรงพยาบาล ด้วยอาการเลือดกำเดาไหลอย่างมีนัยสำคัญ

“ปกติแล้วบริเวณเยื่อบุในจมูกคนเรา จะมีเลือดมาเลี้ยงเยอะอยู่แล้ว หากสูดเอาฝุ่น PM 2.5 เข้าไป จะทำให้เกิดการอักเสบบริเวณเยื่อบุในช่องจมูก และไปกระตุ้นทำให้เลือดออกได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะเด็กเล็กที่มีโอกาสเลือดกำเดาไหลง่ายกว่าผู้ใหญ่“

สาเหตุที่ฝุ่นทำให้เลือดกำเดาไหล มาจากค่าอนุภาพฝุ่นขนาดเล็กที่ร่างกายไม่สามารถกำจัดออกไปได้เมื่อหายใจเข้าไป ประกอบกับอุณหภูมิที่สูงขึ้นในช่วงฤดูร้อน เป็นปัจจัยเสริมทำให้เยื่อบุจมูกมีการอักเสบและแดงขึ้น มีเลือดมาเลี้ยงมากขึ้น โอกาสเลือดกำเดาไหลจึงเพิ่มมากขึ้นไปด้วย โดยเฉพาะกับคนที่มีโรคประจำตัวด้านภูมิแพ้หรือคนไข้เด็กที่ชอบแคะจมูก โอกาสเลือดกำเดาไหลก็จะมีมากขึ้น

ฝุ่นควันที่เกินมาตรฐานมีผลกระทบโดยรวมต่อสุขภาพ แต่ในส่วนของเลือดกำเดาไหล ส่วนมากที่พบจะเป็นน้ำมูกปนเลือดที่ไม่ได้เป็นอันตรายมาก แต่หากเป็นเลือดกำเดาไหลปริมาณมาก ก็มีโอกาสทำให้สูญเสียเลือดมาก หากไม่สามารถห้ามเลือดได้ ก็ต้องใส่วัสดุห้ามเลือดเข้าไปในช่องจมูก ซึ่งที่ผ่านมาก็เคยมีคนไข้กลุ่มนี้เข้ารับการรักษาจำนวนหนึ่ง

สำหรับกลุ่มเสี่ยงดมฝุ่นจนเลือดกำเดาไหล คือประชาชนทุกกลุ่ม แต่กลุ่มเปราะบางเป็นพิเศษคือเด็กอายุน้อยกว่า 4 ขวบ สตรีมีครรภ์ ผู้ป่วยกลุ่มโรคประจำตัวด้านทางเดินหายใจ หอบหืด ภูมิแพ้ ที่อาจกระตุ้นอาการกำเริบ และบางคนที่ใช้ยาในการป้องกันการแข็งตัวของเลือด รวมทั้ง ผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวและและใช้ยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือดที่จะทำให้เลือดออกง่ายขึ้น

รศ.พญ.กรรณิการ์ แนะนำประชาชนที่จะต้องใช้ชีวิตท่ามกลางฝุ่นควัน ให้ตรวจสอบคุณภาพอากาศรอบตัว หากสูงเกินมาตรฐานก็ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมนอกบ้าน หรือ ใส่หน้ากากที่ป้องกันพีเอ็ม 2.5 รวมทั้งควรอยู่ในห้องหรือสถานที่ที่มีเครื่องฟอกอากาศ เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพให้ได้มากที่สุด

ร่วมแสดงความคิดเห็น