เมื่อบ่ายวันที่ 28 ส.ค.65 เวลา 15.30 น.มีพิธีสำคัญอีกพิธีหนึ่งที่ยังไม่เคยมีมาก่อนและเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ที่เชิงบันไดสุระอ้ายก้อม วัดพระธาตุช่อแฮ พระอารามหลวง จ.แพร่ นายสหวัง พ่วงบางโพ ผู้ว่าราชการจ.แพร่ เป็นประธานบรรจุหัวใจราชสีห์ 4 ตัว ประกอบไปด้วย ไกรสรราชสีห์ คือ ราชสีห์ขาว กาละราชสีห์ โดยมีครูบาเสนาะ พระครูโกศลพิพัฒนคุณ เจ้าคณะอำเภอสูงเม่น จ.แพร่เจ้าอาวาสวัดปงท่าท่าาข้ามเป็นเจ้าพิธีลงวิทยาคมและเจิมราชสีห์
ก่อนประกอบพิธีมีการเชิดสิงโตบวงสรวงมาจากจ.สุพรรณบุรีร่วมสร้างความตื่นเต้นกับผู้ร่วมงาน ในการนี้มีหัวหน้าส่วนราชการต่างๆนายสมศักดิ์ สุขประเสริฐ นายอำเภอเมืองแพร่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านพุทธศาสนิกชนร่วมงานจำนวนมาก
พระโกศัยเจติยารักษ์ รองเจ้าคณะจังหวัดแพร่ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุช่อแฮ พระอารามหลวง เจริญพรความหมายของราชสีห์ว่า (กาฬสีห์) คือ ราชสีห์ดำ ตินสีห์ (ติณณสีหะ) คือ ราชสีห์แดง บัณฑุราชสีห์ (บัณฑรสีห์) คือ ราชสีห์เหลือง พร้อมกันนี้พระสงฆ์ 9 รูป เจริญชัยมงคลคาถา เวลา 16.09 น. เป็นพิธียกสิงห์ขึ้นประดิษฐาน บนหัวเม็ดกำแพงด้านทิศเหนือและด้านทิศตะวันออก โดยพระสงฆ์ 9 เจริญชัยมงคลคาถา เป็นอันเสร็จพิธี
พระโกศัยเจติยารักษ์ รองเจ้าคณะจ.แพร่ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุช่อแฮ เจริญพรว่า สิงห์ในคติการสร้างไว้บนหัวเม็ดกำแพงวัดในทางพระพุทธศาสนา ทำท่าเหมือนจะตะครุบสัตว์ไว้ในอุ้มมือหรืออ้าปากก็ดี เพื่อป้องกันสิ่งชั่วร้ายในวัด หรือ เป็นเครื่องดับความชั่วร้าย เป็นคติธรรมสอนใจว่า กำแพงที่ล้อม เหมือนกับใจ ต้องคอยใช้สิงห์ ที่เปรียบเสมือน สติ-สัมปชัญญะ เป็นเครื่องเตือนสติที่คอยคุมจิตใจของตนเองให้คิดให้นึกไปในทางที่ดีอยู่เสมอ วัดพระธาตุช่อแฮ พระอารามหลวง จึงสร้างราชสิงห์ 4 ตัว ที่ประตูดังนี้ ประตูทิศเหนือ ชื่อไกรสรราชสีห์ คือ ราชสีห์ขาว และบัณฑุราชสีห์ (บัณฑรสีห์) คือ ราชสีห์เหลือง ประตูด้านทิศตะวันออก ชื่อ กาละราชสีห์ (กาฬสีห์) คือ ราชสีห์ดำ ตินสีห์ (ติณณสีหะ) คือ ราชสีห์แดง
ส่วนเจ้าภาพบรรจุหัวใจราชสิงห์ มีดังนี้ นายวิตติ นางอัจฉรียา แสงสุพรรณ และครอบครัว ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ นายปัญจพัฒน์ นางกัณธูณา ด.ญ.นิพิชฌม์ชา ด.ช.บุรินทร์ยศ สิริกรวัฒนกุล และครอบครัว จำ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ อำเภอเมืองแพร่ เขต 6 นางสาวสายสุณี อ่อนจันทร์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนาจักร และ ครอบครัว นางสาวสุธีรา พณะพล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลกาญจนา และ ครอบครัว ทั้งหมดรายละ 5,000 บาท จึงขออนุโมทนามา ณ โอกาสนี้ด้วย
ร่วมแสดงความคิดเห็น