มรดกปางช้าง หาข้อยุติไม่ได้

มรดกพันล้านของพ่อเลี้ยงปางช้างแม่สา ส่อเค้าเป็นมรดกอาถรรพ์ ที่ฟ้องกันไปมาจนหาข้อยุติไม่ได้แล้ว

กรณีศึกมรดกพันล้านของพ่อเลี้ยงชูชาติ กัลมาพิจิตร ผู้ก่อตั้งปางช้างแม่สา อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ที่เสียชีวิตไปร่วม 4 ปี ทิ้งทรัพย์สมบัติมหาศาลไว้ให้ทายาท แต่ยังไม่สามารถเจรจาตกลงกันได้ เนื่องจากยังมีปมเงินเลี้ยงช้างในธนาคารถูกเบิกถอนออกไปยังไม่ถูกต้องกว่า 100 ล้านบาท มีการแจ้งตำรวจให้สอบสวนติดตามเส้นทางการเงินที่หายไป และยังฟ้องกันในคดีแพ่งอีกหลายสิบคดี จนยืดเยื้อหาจุดลงตัวไม่ได้ แม้จะมีการไกล่เกลี่ยทางศาลถึง 3 ครั้ง ก็ยังไม่สามารถตกลงกันได้ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อการเลี้ยงช้าง 68 เชือก ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อเช้าวันที่ 17 ม.ค.นี้ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ปางช้างแม่สา อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เพื่อดูสถานการณ์ของช้างที่เลี้ยงไว้จำนวน 68 เชือก ที่ได้รับผลกระทบจากเงินมรดกในส่วนที่ใช้เลี้ยงช้างหายไป โดยก่อนหน้านี้ช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทางปางช้างต้องปิดตัวเองยาวนานร่วม 3 ปีเพราะไม่มีนักท่องเที่ยวและรายได้เป็นศูนย์ ทำให้ความเป็นอยู่ของช้างที่ต้องใช้เงินในการบริหารจัดการวันละ 1 แสนบาท หรือเดือนหนึ่งประมาณ 3 ล้านบาท ต้องส่งผลกระทบอย่างรุนแรง ซึ่งทาง นางอัญชลี กัลมาพิจิตร ผู้บริหารปางช้างต้องยุติการแสดงช้าง และหันมาดูแลช้างในแนวอนุรักษ์ให้อยู่อย่างธรรมชาติที่สุด และให้นักท่องเที่ยวเข้ามาชมฟรี โดยหารายได้เพียงน้อยนิดจากการขายตะกร้าเลี้ยงช้างตระกร้าละ 100 บาท แต่ก็ไม่เพียงพอและเมื่อปลายปี 2565 เกิดอุทกภัยสะพานที่ให้นักท่องเที่ยวเข้าชมช้างพังลงอีก ต้องปิดปางช้างกว่า 3 เดือน จนมีการสร้างสะพานขึ้นมา และเมื่อต้นปี 2566 จึงมีการขอเก็บเงินนักท่องเที่ยวต่างชาติคนละ 300 บาท พร้อมตะกร้าผลไม้เลี้ยงช้าง 1 ตะกร้า ส่วนนักท่องเที่ยวชาวไทยให้ชมฟรี ทำให้สถานการณ์เริ่มดีขึ้นบ้าง

แต่เมื่อเกิดปัญหาฟ้องร้องมรดกไม่ลงตัว ส่งผลกระทบโดยตรงกับช้าง ทางผู้บริหารจึงเห็นว่าการฟ้องร้องมรดกและเงินที่จะใช้เลี้ยงช้างยืดเยื้อแน่ ทางผู้บริหารจึงขอเริ่มเก็บเงิยนักท่องเที่ยวชาวไทยคนละ 100 บาท พร้อมแจกตะกร้าผลไม้เลี้ยงช้าง 1 ตะกร้า ส่วนเด็กอายุไม่เกิน 12 ปีและผู้สูงวัย อายุ 60 ปีขึ้นไปให้เข้าชมฟรี ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.เป็นต้นไป เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนของปางช้าง เพื่อเลี้ยงช้าง 68 เชือกให้อยู่รอดต่อไป

นางอัญชลี กัลมาพิจิตร ผู้บริหารปางช้างแม่สา และผู้จัดการร่วม ได้เดินทางกลับจากปฏิบัติภารกิจต่างจังหวัด ได้เดินทางกลับมาที่ปางช้าง ได้เผยว่าในขณะนี้รับแจ้งจากทาง นายวรพงษ์ คำนนท์ ทนายความว่าการฟ้องร้องเรื่องทรัพย์มรดกส่งเค้ายืดเยื้อออกไป โดยทางตนจะต้องขึ้นศาลทั้งในวันที่ 17-18-19 ม.ค.นี้ในเรื่องเงินมรดกจำนวน 47 ล้านบาท ที่อยู่ในพินัยกรรมที่จะต้องแบ่งทายาททั้งหมดหายไป ซึ่งทราบว่ามีการไปทำนิติกรรมในโรงพยาบาล ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ซึ่งคดีตนเป็นโจทย์ฟ้องผู้เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ จึงจะต้องขึ้นศาล โดยจะมีพยานที่รู้เห็นในเรื่องนี้ 3 คน และตนจะได้ขึ้นศาลด้วยเป็นเวลา 3 วัน ซึ่งตนเห็นว่าในหลายเรื่องหากปฎิบัติตามพินัยกรรมทุกอย่าง ก็คงไม่มีปัญหาอย่างทุกวันนี้ ซึ่งตนเห็นว่าเรื่องราวต่างๆที่ฟ้องร้องกันไปมา มันหาข้อยุติไม่ได้อย่างแน่นอน เรื่องทุกเรื่องยังคารังคาซังบนศาล แต่ก็ยังมีการมาเรียกร้องขอแบ่งทรัพย์กันอยู่ ตนจึงเห็นว่าเรื่องทั้งหมดก็ขอให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ทั้งคดีแพ่งและอาญาจะเนิ่นนานอย่างไรก็ว่ากันไป.

ร่วมแสดงความคิดเห็น