ป.ป.ส.ร่วมยึดไอซ์กว่า 1.2 ตัน เตรียมลักลอบเข้าประเทศมาเลเซีย

ป.ป.ส. นำชุดอินทรีย์ 19 บูรณาการหน่วยงานร่วมยึดไอซ์กว่า 1.2 ตัน เตรียมลักลอบเข้าประเทศมาเลเซีย

วันจันทร์ที่ 29 พฤษภาคม 2566 นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วย นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. พล.ต.ต.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ
รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 4 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พ.ต.อ. รุ่งศักดิ์ แสงเสียงฟ้า ผู้แทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย น.อ.บรรพต นิธิณัฐอาภาศิริ เสนาธิการ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ น.อ.ณรงค์ นุสุวรรณ ผู้บังคับการ กรมรบพิเศษที่ 2 หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ และกองบัญชาการกองทัพไทย ร่วมแถลงข่าวการสกัดยาเสพติดเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ และตรวจยึดไอซ์ 1.2 ตัน หรือ 1,200 กิโลกรัม พร้อมรถ 3 คัน โดยมีรถกระบะ 2 คัน ที่ถูกดัดแปลงช่องลับสำหรับซุกซ่อนยาเสพติด ณ สำนักงาน ป.ป.ส. (ดินแดง)

นายวิชัย ไชยมงคล (เลขาธิการ ป.ป.ส.) กล่าวว่า การตรวจยึดยาเสพติดดังกล่าวสืบเนื่องจากสำนักงาน ป.ป.ส. สืบทราบข้อมูลทางการข่าวว่าขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติจะลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดนภาคเหนือไปเก็บพักในพื้นที่ภาคใต้เพื่อเตรียมลักลอบเข้าประเทศมาเลเซีย
ตนจึงได้สั่งการให้ นายปฤณ เมฆานันท์ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. นำชุดปฏิบัติการพิเศษอินทรีย์ 19 บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสืบสวนติดตามพฤติการณ์ขบวนการค้ายาเสพติดดังกล่าวอย่างใกล้ชิด

กระทั่งเช้ามืดของวันที่ 24 พฤษภาคม 2566 เจ้าหน้าที่พบรถยนต์ต้องสงสัย จำนวน 3 คัน ขับไปจอดบริเวณบ้านพักในพื้นที่ ม.5 ต.ทุ่งขมิ้น อ.นาหม่อม จ.สงขลา เจ้าหน้าที่จึงได้นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว จากการตรวจค้นภายในบ้านพักพบ ไอซ์น้ำหนักจำนวน 900 กิโลกรัม บรรจุในกระสอบเตรียมลักลอบลำเลียงในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจพบไอซ์เพิ่มเติมน้ำหนักจำนวน 300 กิโลกรัม ซึ่งซุกซ่อนในรถยนต์กระบะที่มีการดัดแปลงทำช่องลับ จำนวน 2 คัน รวมไอซ์จำนวนทั้งหมด 1,200 กิโลกรัม (หรือ 1.2 ตัน) ทั้งนี้ ผู้ต้องหาอาศัยความมืดหลบหนีไปได้ ซึ่งตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการติดตาม สืบสวนจับกุมเครือข่ายดังกล่าวให้เร็วที่สุด

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวอีกว่า ประเทศไทยมีสถานะเป็นทางผ่านในการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากสามเหลี่ยมทองคำไปยังประเทศที่สาม ดังนั้น จึงต้องมีบูรณาการผนึกกำลังอย่างเข้มข้นเพื่อสกัดกั้นและจับกุมกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดซึ่งนอกจากการเฝ้าระวังบริเวณชายแดน เรายังเน้นความร่วมมือกับหน่วยงานยาเสพติดต่างประเทศ เพื่อประสานข้อมูลการข่าวในการปราบปรามเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติ และการสกัดกั้นการขนส่งยาเสพติดสารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ในทุกรูปแบบทุกช่องทาง รวมถึงการสืบสวนขยายผล และการทำลายเครือข่ายยาเสพติดด้วยการยึด อายัดทรัพย์สินคดียาเสพติด เพื่อทำลายเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ

นายวิชัย กล่าวในตอนท้ายว่า จากการตรวจยึดยาเสพติดในครั้งนี้สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ประสานข้อมูลไปยัง สำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย (Narcotics Crime Investigation Department: NCID) เพื่อร่วมสืบสวนขยายผลและแลกเปลี่ยนข่าวสารเครือข่ายผู้รับยาเสพติดในพื้นที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งคาดว่าจะสามารถจับกุม และทลายเครือข่ายดังกล่าวได้โดยที่ผ่านมาประเทศไทยและมาเลเซีย ได้มีประชุมร่วมกันถึงการยกระดับความร่วมมือด้านยาเสพติดระหว่างไทย-มาเลเซียเพื่อเพิ่มความเข้มข้นในการปราบปรามยาเสพติดและการบังคับใช้กฎหมาย รวมถึงการขยายผลเครือข่ายการค้ายาเสพติดพื้นที่ชายแดนภาคใต้ และอาชญากรรมข้ามชาติ ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในการปราบปรามและสกัดกั้นการลักลอบลำเลียงยาเสพติดที่ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านไปยังประเทศที่สามได้อย่างมีประสิทธิภาพร่วมกันต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น