ญี่ปุ่นประกาศให้นักท่องเที่ยวเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า

ข่าวจริง! ญี่ปุ่นประกาศให้นักท่องเที่ยวเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า เริ่ม 11 ต.ค. 65

วันที่ 27 ก.ย. 65 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการยืนยันว่าเป็นข่าวจริง เพิ่มเติม 1 กรณีคือ

กรณีที่มีข้อมูลในสื่อต่าง ๆ เกี่ยวกับประเด็นเรื่องญี่ปุ่นประกาศให้นักท่องเที่ยวเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า เริ่ม 11 ต.ค. 65 ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง

ตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป ญี่ปุ่นจะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวจาก 68 ประเทศ รวมทั้งไทย เดินทางเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า และสามารถเดินทางท่องเที่ยวด้วยตนเองได้เหมือนช่วงก่อนสถานการณ์โควิด 19 จะระบาด รวมทั้งจะยกเลิกระบบลงทะเบียน ERSF ตลอดจนจำกัดจำนวนผู้เดินทางเข้าประเทศต่อวัน 
อย่างไรก็ตาม สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย มีข้อมูลเพิ่มเติมว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะแจ้งมาตรการด้านสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางเข้าญี่ปุ่น เช่น การแสดงเอกสารระบุการได้รับวัคซีน 3 เข็มว่าเป็นวัคซีนประเภทใดบ้าง หรือการตรวจ PCR 72 ชั่วโมง ก่อนเดินทางเข้าญี่ปุ่นสำหรับผู้ไม่ได้รับวัคซีนต่อไป

ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกกระทรวงการต่างประเทศ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.mfa.go.th หรือโทร 02 2035000

บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ญี่ปุ่นประกาศให้นักท่องเที่ยวเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า เริ่ม 11 ต.ค. 65

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า การผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ทุกรายอย่างเด็ดขาดจริงจังและต่อเนื่องต่อไป
ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบข้อมูลการกระทำผิด สามารถแจ้งเบาะแสข่าวผ่าน
5 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com, เฟซบุ๊ก ANTI-FAKE NEWS CENTER, ทวิตเตอร์ @AFNCThailand, ไลน์ @antifakenewscenter, ช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 และสายด่วน 1599 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”

ร่วมแสดงความคิดเห็น