(มีคลิป) ครูสาวสุดทนเปิดหน้าแฉแหลกคลิป เด็กถูกลงโทษเกินเหตุ

https://youtu.be/c6hygsxsFWg

ครูสาวสุดทนเปิดหน้าแฉแหลกคลิป เด็ก ป.3 ถูกลงโทษทั้งตีทั้งเตะด่วยลำแข้งจนผวาหนักหนีออกจากโรงเรียน

วันที่ 21 พ.ค. 66 นางสาวเพชรรัตน์ พันธ์ุสุจริตไทย ตำแหน่ง ครู คศ.1 รักษาราชการแทนในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านแม่แมะ (อันดับ 2) ต.แม่นะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ โพสต์ลงในเฟซบุ๊คส่วนตัว แฉพฤติกรรมของครูและบุคลากรในโรงเรียนบางคนที่ทำหน้าที่อย่างไร้จิตสำนึก ทำร้ายได้แม้กระทั่งเด็กนักเรียนไร้ทางสู้ เข้าข่ายทำร้างร่างกายและทารุณกรรมเด็ก

โดยนางสาวเพชรรัตน์ได้นำคลิปภาพเหตุการณ์ที่ครูผู้ดูแลหอพักของโรงเรียน ถือไม้เรียวสอบสวนความผิดเด็กนักเรียนชายสี่คนบนลานข้างหอพัก หลังพบว่าขนมในห้องพักครูถูกขโมยไป ในภาพจะเห็นว่าครูคนดังกล่าวสอบสวนเด็กในลักษณะท่าทีข่มขู่ ก่อนจะใช้เท้าเหยียบบ่าของเด็กชายคนหนึ่งและถีบจนล้มลง จากนั้นได้ใช้ไม้ตีเด็กชายอีกคนหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ กันและใช้เท้าเตะจนล้มคว่ำ ขณะที่เด็กชายทั้งสองร้องไห้และอยู่ในอาการหวาดกลัว หลังเกิดเรื่องทำให้เด็กชาย ป.3 อายุถ 10 ขวบ หนึ่งในสองเด็กที่ถูกทำร้ายหวาดผวาหนักจนไม่กล้ามาโรงเรียนอีกเลย โดยหนีกลับไปอยู่กับมูลนิธิเอกชนที่อุปการะอยู่ก่อนหน้า

นางสาวเพชรรัตน์ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ในคลิปเกิดขึ้นในช่วงเช้าของวันที่ 17 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้มีครูบางคนมาเล่าให้ฟังและบอกว่าอยากดูคลิปหรือไม่ เธอเองไม่ชอบความรุนแรงจึงไม่ดู แต่ในใจลึก ๆ ก็มองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง แต่ยอมรับว่าเก็บเงียบไว้และร่วมกันปกปิดเพราะกลัวมีผลกระทบกับหน้าที่การงาน เพราะเธอทำหน้าที่เป็นรักษาการผู้อำนวยการโรงเรียนในลำดับที่ 2 หากเป็นเรื่องขึ้นมาอาจติดร่างแหถูกลงโทษไปด้วยในฐานะผู้บังคับบัญชา

กระทั่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ครูฝ่ายการเงินได้นำเอกสารแผ่นหนึ่งมาให้ดูและขอให้ช่วยเหลือ เป็นเอกสารที่ระบุว่าผู้บริหารและครูบางคนได้เบิกเงินในกองทุนช่วยเหลือเด็กที่มีผู้ใจบุญบริจาคมาให้ นำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ เมื่อสอบถามทำให้ทราบว่ามีการเบิกเงินอ้างว่าไปราชการที่จังหวัดภูเก็ตเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ที่ผ่านมา มีทั้งค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเหมารถ ค่าน้ำมันรถ รวมเป็นเงินกว่า 37,100 บาท แต่ความจริงกลับเป็นการเดินทางไปส่งผู้บริหารระดับเขตคนหนึ่ง โดยที่ไม่มีหนังสือไปราชการตามระเบียบ และไม่ได้มีใมบเสร็จอะไรมาแสดง มีเพียงรายการใช้จ่ายที่พิมพ์ในกระดาษหนึ่งแผ่นไปแสดงให้กับฝ่ายการเงินโรงเรียนเท่านั้น

นอกจากนี้ยังทราบด้วยว่ามีการเบิกเงินจากกองทุนเดินทางไปที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อไปซื้อโซล่าเซลล์ แต่กลับพบว่านำเงินบางส่วนไปเที่ยวคาราโอเกะ โดยมีครูคนหนึ่งที่เดินทางไปด้วย หลุดพูดตอนมึนเมาว่า “เสียดายจังที่ครูไม่ได้ไปด้วย ทั้งจับ จก ล้วง” และ อีก 1 คน ที่พูดว่า “จองโรงแรมไม่ได้นอนเพราะอยู่ยันตี 5” รวมถึงยังบอกเล่าถึงการเช็คบิลว่าใช้เงินไป 15,000 บาท ซึ่งทั้งหมดเป็นเงินจากบัญชีกองทุนสนับสนุนของโรงเรียนหรือที่เรียกว่าเงินบริจาค
โดยทราบว่าก่อนเปิดเทอมมีเงินบริจาคในกองทุนประมาณสองแสนบาท แต่ตอนนี้เหลือเพียงสามหมื่นกว่าบาทเท่านั้น

นางสาวเพชรรัตน์ บอกว่า เธอได้บรรจุเป็นข้าราชการครูในปี 2560 ที่กรุงเทพมหานคร แต่ด้วยความใฝ่ฝันอยากเป็นครูบนดอย ทำให้ในปี 2565 จึงเลือกขอมาบรรจุที่โรงเรียนบ้านแม่แมะ แต่เมื่อมาเจอเรื่องแบบนี้มากขึ้นเรื่อยๆ จึงสุดที่จะรับได้และตัดสินใจนำเรื่องราวออกมาแฉ ด้วยความหวังว่าจะทำให้ระบบเหล่านี้หมดสิ้นไปเสียที โดยเธอรู้สึกแย่ที่เด็ก ๆ ที่เป็นเด็กดอยฐานะยากจนและเป็นกลุ่มด้อยโอกาสต้องมาถูกทำร้ายและอยู่อย่างหวาดกลัว รวมทั้งต้องเสียโอกาสในการออกนอกระบบการศึกษา รวมทั้งการนำเงินบริจาคไปใช้

โดยเธอบอกว่าการออกมาเปิดเผยเรื่องราวในครั้งนี้ พร้อมที่จะโดนปลดออกหรือไล่ออกจากราชการ แต่จะยืนยันว่าจะไม่ลาออกเด็ดขาด เธอยอมแลกทุกอย่างแม้กระทั่งอนาคตหรือชีวิตเพื่อขอให้ระบบนี้มันไม่เน่าไปกว่านี้

อ่านข่าวเพิ่มเติม : ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ สั่ง ผอ.สพป.ชม. 3 สอบพฤติกรรมครู ,(มีคลิป) ครูเพชรรัตน์นำหลักฐานร้อง ป.ป.ช.ภาค 5 สอบผู้บริหารโรงเรียน

ร่วมแสดงความคิดเห็น