เชียงใหม่อันดับ 2 อากาศแย่ที่สุดในโลก

เชียงใหม่อันดับ 2 อากาศแย่ที่สุดในโลก คพ.ประกาศเหนือตอนบนเผชิญวิกฤตมลพิษแนะอยู่ในเซฟตี้โซน ฝนหลวงภาคเหนือเดินหน้าก่อเมฆดูดซับฝุ่น-เจาะชั้นบรรยากาศระบายฝุ่นพิษ

มลพิษทางอากาศที่เข้าขั้นวิกฤตในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และหลายจังหวัดทางภาคเหนือในวันนี้ ล่าสุดช่วงบ่ายวันนี้ สำนักสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่)ออกประกาศเรื่องคุณภาพอากาศเกินมาตรฐานบริเวณภาคเหนือตอนบน (เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน แม่ฮ่องสอน) ฉบับที่ 1 (1/2567) ระบุ วันที่ 6 มีนาคม 2567 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน แม่ฮ่องสอน พบปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน หรือ PM 2.5 ณ เวลา 09.00 น. มีค่าระหว่าง 42.5 – 156.5 มคก./ลบ.ม. คุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์ “เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ถึง มีผลกระทบต่อสุขภาพ “

จากการพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาพบว่า ภาคเหนือมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด อุณหภูมิสูงสุด 37 – 40 องศาเซลเซียส กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวันแนวโน้มการระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างอ่อน ประกอบกับสภาวะอากาศใกล้ผิวพื้นมีลักษณะปิดตลอดช่วงส่งผลให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จึงขอให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวเฝ้าระวังสุขภาพ โดยงดกิจกรรมกลางแจ้ง แต่หากจำเป็นควรใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2. ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร จำกัดระยะเวลาในการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ควรสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา โดยเฉพาะประชาชนกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ที่มีโรคประจำตัว เด็ก และคนชรา หากมีอาการผิดปกติให้รีบพบแพทย์
และควรอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยจากมลพิษทางอากาศ ให้เตรียมยาและอุปกรณ์จำเป็นให้พร้อมและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนงดการเผาทุกชนิด งดใช้รถยนต์ที่มีควันดำเกินค่ามาตรฐาน เพื่อลดการเกิดฝุ่นควันสะสมในอากาศอันจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน

ขณะที่ช่วงบ่ายวันนี้ ปริมาณฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ยังเกินค่ามาตรฐานทั้ง 25 อำเภอของจังหวัดเชียงใหม่ สูงสุดที่ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว 123 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยในเวลา 16.55 น. วันนี้ จังหวัดเชียงใหม่ขึ้นเป็นอันดับ 2 เมืองที่มีอากาศแย่ที่สุดในโลกจากการจัดอันดับของเวปไซต์ iqair.com โดยมีค่าสหรัฐฯ AQI ถึง 162

ด้าน นายรังสรรค์ บุศย์เมือง ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ เปิดเผยถึงภารกิจและแผนการปฏิบัติการฝนหลวง เพื่อบรรเทาสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จังหวัดเชียงใหม่ โดยการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการแก้ปัญหาฝุ่นได้ดำเนินการ 3 วิธี คือการปฎิบัติการฝนหลวงเพื่อให้เกิดฝนตกในพื้นที่เสี่ยงเกิดไฟ โดยเฉพาะพื้นที่ป่าเพื่อเป็นการเพิ่มความชุ่มชื้นให้ป่าไม้ ส่งผลให้ลดการเกิดไฟป่า การปฏิบัติการก่อเมฆและเลี้ยงเมฆ เพื่อดูดซับฝุ่นละอองและระบายฝุ่นออกจากพื้นที่ และ การดัดแปลงสภาพอากาศโดยใช้เทคนิคการลดอุณหภูมิชั้นบรรยากาศผกผันด้วยการโปรยน้ำแข็งแห้งหรือน้ำลดอุณหภูมิ เพื่อให้เกิดการระบายของอากาศ เป็นการระบายฝุ่นละอองออกจากพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมาในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ได้บินปฏิบัติการทั้งหมด 13 วัน 16 เที่ยวบิน ในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงใหม่, สะเมิง, แม่วาง, แม่ออน, แม่แตง, พร้าว, ฮอด, ดอยเต่า และอมก๋อย

หลังจากนี้หากวันไหนที่มีความชื้นเหมาะสม คือ มีความชื้นในอากาศเกิน 60 เปอร์เซ็นต์ ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือจะใช้วิธีการก่อเมฆเพื่อดูดซับฝุ่น แต่หากความชื้นในอากาศน้อยกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ จะทำการดัดแปลงสภาพอากาศ โดยการเจาะชั้นบรรยากาศให้อากาศสามารถยกตัวและระบายอากาศได้ดีขึ้น โดยเฉพาะช่วงต้นลมของพื้นที่เป้าหมาย หรือพื้นที่ที่มีแนวโน้มเกิดหมอกควัน พื้นที่ตอนบนของจังหวัดเพื่อแก้ปัญหาหมอกควันข้ามแดน เนื่องจากจังหวัดเชียงใหม่เป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางการเกษตร ประกอบกับมีพื้นที่ที่ทำการเก็บเกี่ยวยังไม่แล้วเสร็จ อาทิ ข้าว กระเทียม ลำไยนอกฤดู มะม่วง ซึ่งพืชผลทางการเกษตรเหล่านี้หากโดนฝนแล้วจะทำให้ได้รับความเสียหาย จึงได้เลือกใช้วิธีที่ไม่ทำให้ฝนตก แต่มีประสิทธิภาพดีเทียบเท่ากับการเกิดฝน

ร่วมแสดงความคิดเห็น