พ่อเมืองน่าน ระบุผลงานรอบ 3 เดือน ผลักดันหลายโครงการใหญ่

พ่อเมืองน่านระบุผลงานรอบ 3 เดือน ผลักดันหลายโครงการใหญ่ หอศิลปวัฒนธรรมเมืองน่านจะแล้วเสร็จภายในสองปี แก้ปัญหาหมอกควันได้ผล ผลักดันโครงการที่ ครม.อนุมัติ 50 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2567 เวลา 09.00 น. ที่ ห้องประชุมพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช ศาลากลางจังหวัดน่าน นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่านเป็นประธานในการประชุม หัวหน้าส่วนราชการจังหวัดน่านประจำเดือนเมษายน 2567
ผู้ว่าราชการจังหวัดน่านได้กล่าวถึงผลการปฏิบัติงานในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมาว่า มีความคืบหน้าในการ ดำเนินการก่อสร้างหอศิลปวัฒนธรรมเมืองน่าน บริเวณศาลากลางจังหวัดน่านหลังเก่า ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือนสิงหาคม 2569 และจะทูลเชิญเสด็จสมเด็จพระกณิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มาเป็นองค์ประธานในพิธีเปิด โดยจะนำสายไฟลงดินทั้งหมดบริเวณโดยรอบหอศิลปวัฒนธรรมเมืองน่าน ใช้งบประมาณของมูลนิธิรักษ์ป่าน่านและการไฟฟ้า ฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยใช้ระยะเวลา 1 ปี ผู้ว่าราชการจังหวัดน่านกล่าวได้ว่า ได้เดินทางไปพบปะ มอบนโยบายให้กับ ข้าราชการทุกกระทรวง และทุกอำเภอ โดยจะให้แล้วเสร็จภายในต้นเดือนพฤษภาคม เพื่อการทำงาน เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

สำหรับมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษหมอกควัน PM 2.5 และไฟป่า ซึ่งการห้ามเผาเด็ดขาด 47 วัน วันที่ 30 เมษายน 2567 เป็นวันสุดท้าย ซึ่งในระหว่างวันที่ 1 มกราคมถึง 29 เมษายน 2567 มีวันที่ PM 2.5 เกินค่ามาตรฐาน และส่งผลกระทบต่อสุขภาพ จำนวน 93 วัน ทั้งในเมื่อเทียบกับปี 2566 พบว่าค่ามาตรฐาน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรลดลง 23 วันซึ่งคิดเป็นร้อยละ 25.56 ขณะที่ค่ามาตรฐาน 37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรลดลง 13 วันคิดเป็นร้อยละ 12.26 ขณะที่จุด Hotspot ระบบเวียร์ในพื้นที่จังหวัดน่านปี 2567 เกิดจุดความร้อนจำนวน 4,474 จุด ในปี 2566 มีจำนวน 11,092 จุด ลดลงร้อยละ 59.66 พื้นที่เผาไหม้ลดลงร้อยละ 50 ของปีที่ผ่านมา จาก 78,367 ไร่เหลือ 354,184 ไร่ ลดลงกว่า 130,000 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 71.08 ส่งผลให้จังหวัดน่านมีจุด Hotspot อยู่ในลำดับ 5 ของพื้นที่ภาคเหนือ

สำหรับประกาศจังหวัดน่านเรื่องการบริหารจัดการเชื้อเพลิงโดยมีการควบคุมหลังประกาศห้ามเผาจังหวัดน่าน ให้มีการจัดการเชื้อเพลิงตามแผนบริหารจัดการเชื้อเพลิงโดยมีการควบคุมหลังประกาศห้ามเผาระหว่างวันที่ 1-31 พฤษภาคม 2567 งดเว้นการเผาในพื้นที่ชุมชนหมู่บ้านโดยเด็ดขาด หากฝ่าฝืนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้ององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน และแพทย์ประจำตำบลให้ถือเป็นหน้าที่ที่ต้องสอดส่องดูแลให้ประชาชนในท้องที่ปฏิบัติตามประกาศอย่างเข้มงวด

จังหวัดน่านได้ผลักดันจัดตั้งศูนย์บริการคนพิการทั่วไป 58 แห่ง โดยมีเป้าหมาย จัดตั้งให้ครบ 101 แห่งไปในเดือนกันยายน 2567 ผู้พิการจะสามารถใช้บริการแบบ one stop service ที่องค์การบริหารส่วนตำบลในระยะต่อไปจะมีการจัดงบประมาณจัดสรรไปที่ศูนย์บริการทุกแห่งด้วย
ด้านชมรม To Be Number One ในจังหวัดน่าน 5 ทีม ผ่านระดับภาคเหนือเข้าร่วมนำเสนอผลงานระดับประเทศในวันที่ 13-15 กรกฎาคม ณ เมืองทองธานี ประเภทจังหวัด อำเภอ 2 คือ อ.เชียงกลาง และ อ.ปัว ระดับมัธยมศึกษาขั้นพื้นฐาน รร.ปัว และ รร.พระธาตุพิทยาคม อ.เชียงกลาง
ตลาดนัดแก้หนี้ นับเป็นวาระแห่งชาติจังหวัดน่านดำเนินการครบทุกอำเภอ สามารถแก้ปัญหา 167 ราย มูลหนี้กว่า 5 ล้านบาท โดยได้เจรจาจบปัญหา หรือส่งดำเนินคดีตามกฏหมาย

จังหวัดน่านได้รับการจัดสรรงบประมาณจากการประชุมครม. สัญจรที่จังหวัดพะเยาเพื่อผลักดันเมืองน่านสู่มรดกโลกจำนวน 21 ล้านบาท พัฒนาถนนหมายเลข 3 จำนวน 14 ล้านบาทซึ่งจะก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณเดือนพฤษภาคม 2568 ส่งเสริมกาแฟด้านสูตรกาแฟคุณภาพสูงจำนวน 15 ล้านบาท ดำเนินการแล้วเสร็จประมาณเดือนพฤษภาคม 2568

สำหรับเป้าหมายระยะต่อไปจะดำเนินการโครงการใส่บาตรรุ่งอรุณข่วงเมืองน่าน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวสร้างรายได้ให้ชุมชนโดยรอบสร้างแลนด์มาร์คแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ ผลักดันก่อสร้างด่านพรมแดนห้วยโก๋นอำนวยความสะดวกการขนส่งสินค้าและการเดินทางท่องเที่ยวข้ามแดนงบประมาณ 148 ล้านบาทขยายสายไฟลงดินในเขตอนุรักษ์เมืองต่อน่านเริ่มต้นถนนรอบหอศิลปวัฒนธรรมเมืองน่านแล้วเสร็จในเดือนธันวาคม 2568 ผลักดันกาดหมั้วศาลากลาง กำหนดจัดทุกวันพุธสัปดาห์ที่ 1 และ 3 ของเดือนนำผลิตภัณฑ์มาจำหน่ายสร้างรายได้แก่ผู้ประกอบการและชุมชน รื้อฟื้นประเพณีแข่งขันประเพณีแข่งเรือเมืองน่าน ท้องถิ่นชุมชนและคนเมืองน่านมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง พร้อมทั้งจัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนประจำสัปดาห์ทุกวันพฤหัสบดีที่ 1 ของเดือนเพื่อสร้างการรับรู้การทำงานของจังหวัดผ่านสื่อมวลชนทุกแขนงโดย เน้นย้ำการทำงานไปด้วยกันระหว่างราชการเอกชนและประชาชนเพื่อพัฒนาจังหวัดน่านอย่างยั่งยืน

นายเทวา ปัญญาบุญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ให้ไปศึกษาดูงานการผลิตกระแสไฟฟ้าที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งมีโครงการที่จะพาดสายไฟฟ้า เพื่อนำกระแสไฟฟ้าส่งเข้ามายังประเทศไทย ดำเนินการโดยบริษัทชการช่างและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่ง บริษัทผู้ผลิต มีความประสงค์จะทำ โครงการ CSR เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนและให้ความรู้ประชาสัมพันธ์ถึงโครงการดังกล่าวหากอำเภอต่างๆที่มีสายไฟฟ้าผ่าน มีความประสงค์จะให้ทางบริษัททำกิจกรรม CSR ให้แจ้งไปที่สำนักงานจังหวัดน่าน

ข้อมูลจากโครงการชลประทานน่านสำนักชลประทานที่ 2 ระบุว่า จังหวัดน่านในขณะนี้มี โครงการบริหารจัดการน้ำโดยกรมชลประทานทั้งหมด 41 โครงการ พื้นที่ 63,648 ไร่และพื้นที่รับประโยชน์ 58,620 ไร่ อ่างเก็บน้ำ ทั้งหมด 48 แห่งทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก มีอ่างเก็บน้ำที่มีน้ำปริมาณน้ำเข้าขั้นวิกฤตคืออ่างเก็บน้ำแหง อำเภอนาน้อย อ่างเก็บน้ำพงษ์ อำเภอสันติสุข และอ่างเก็บน้ำฮิ อำเภอเวียงสา นอกนั้นปริมาณน้ำจัดว่าพอเพียงสำหรับการอุปโภคบริโภค

นายวรวิทย์ อินต๊ะใจ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดน่าน กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยในพื้นที่ ตำบลห้วยโก๋น อำเภอเฉลิมพระ

เกียรติ พื้นที่หมู่ 1 ตำบลห้วยโก๋นและหมู่ 3 บ้านห้วยดง เนื่องจากแหล่งน้ำทำระบบประปาให้กับราษฎรขาดแคลน จำนวนน้ำในอ่างเก็บน้ำลดลงส่งผลกระทบแก่ประชาชนและหน่วยงานราชการในพื้นที่ โดยให้ความช่วยเหลือตามโครงการป้องกันยับยั้งภัยพิบัติ สูบน้ำจากอ่างเก็บน้ำห้วยโขนสูบน้ำจากแม่น้ำน่านไปยังอ่างเก็บน้ำห้วยโก๋น 1 จำนวน 2 ครั้งงบประมาณกว่าล้านบาท โดยขอสนับสนุนงบประมาณและเครื่องสูบน้ำจากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 15 จังหวัดเชียงราย หากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลายต้องหารือขออนุมัติวงเงินทดรองราชการ ใช้งบป้องกันยับยั้ง ส่วนการแก้ปัญหาระยะยาวต้องผลักดันอ่างเก็บน้ำห้วยไคร้ เพื่อให้มีน้ำเติมอ่างเก็บน้ำห้วยโก๋น 1 ต่อเนื่องทั้งปี

ขณะที่สาธารณภัยในรอบเดือนเมษายนที่ผ่านมาเนื่องจากอากาศร้อนจัดได้เกิดวาตภัยในพื้นที่ 14 อำเภอ 48 ตำบล 197 หมู่บ้าน ส่งผลกระทบเสียหายเบื้องต้นกว่า 2 ล้านบาทโดยเบื้องต้นองค์กรปกครอ งส่วนท้องถิ่นได้เข้าให้ความช่วยเหลือประชาชน โดยผู้ว่าราชการจังหวัดได้สั่งการให้เตรียมความพร้อมอยู่เสมอ และเข้าไปแก้ปัญหาให้ประชาชนอย่างทันท่วงที ให้บูรณาการความช่วยเหลือ ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ร่วมแสดงความคิดเห็น