นอภ.เทิง หารือตัวแทนเมืองปากทาแก้ปัญหาไฟป่า-หมอกควัน

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 28 ธ.ค. 65 นายบุญส่ง ตินารี นอภ.เทิง จ.เชียงราย เป็นประธานเปิดโครงการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับประชาชน ในพื้นที่ชายแดน (People to People Connectivity) เพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างประชาชนในภูมิภาคอาเซียน ให้เกิดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ตามแผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเชียน ค.ศ. 2025 (Master Plan on ASEANConnectivity2025 : MPAC 2025)



โดยใช้กลไกการมีส่วนร่วมของประชาชน ในพื้นที่ชายแดนในการดำเนินกิจกรรมเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกัน โดยมีปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง ปลัดอำเภอฝ่ายป้องกัน กำนันผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ต.ตับเต่า ร่วมด้วยนายสาลี วนาสันต์ รองเลขาธิการพรรคเขต เมืองปากทา แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว และคณะ ที่เดินทางมาร่วมในพิธีเปิดงานประเพณีปีใหม่ม้ง ต.ตับเต่า ประจำปี 2566 และได้ถือโอกาสพบปะพูดคุยนอกรอบเพื่อหารือประสานความร่วมมือในด้านต่างๆร่วมกัน ณ ห้องประชุมโรงเรียนเพียงหลวง 16 บ้านร่มโพธิ์ไทย ม.9 ต.ตับเต่า อ.เทิง จ.เชียงราย

ในการพบปะหารือดังกล่าว มีเพื่อทำความรู้จักและนำเสนอปัญหาตามแนวพื้นที่ชายแดนระหว่าง อ.เทิง จ.เชียงราย ซึ่งมีพื้นทึ่ติดต่อกับแขวงบ่อแก้ว และแขวงไชยะบุรี สปป.ลาว ซึ่งที่ผ่านมาในทุกปีจะมีปัญหาที่พบเจอบ่อยๆก็คือ ปัญหาไฟป่าหมอกควันในช่วงฤดูแล้ง โดยมักจะพบการลุกลามของไฟป่าใกล้กับรอยต่อของทั้ง 2 ประเทศ เมื่อเกิดปัญหาขึ้นก็ต้องระดมกำลังทั้งภาครัฐและชาวบ้านมาช่วยกันดับไฟ

ซึ่งจากสภาพปัญหาพบว่าเกิดจากการลักลอบจุดไฟเพื่อกำจัดวัชพืชหลังฤดูเก็บเกี่ยว และบางส่วนก็จุดเพื่อล่าสัตว์หรือหาของป่า เกิดเป็นปัญหามลพิษทางอากาศซ้ำซากทุกปี แม้ว่าในทุกๆปีที่ผ่านมาทางภาครัฐและประชาชนทั้งฝั่งไทยและฝั่งลาวจะช่วยกันทำแนวกันไฟ 2 แผ่นดินขึ้น แต่ก็แก้ปัญหาได้เพียงบางส่วน และกิจกรรมดังกล่าวก็ต้องชะงักไปในช่วงตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งจากการพบปะในครั้งนี้ทั้ง 2 ฝ่ายได้หารือกันเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวร่วมกันอีกครั้ง

นอกจากนี้ ทางนายเอกชัย หาญสุวรรณชัย นายก อบต.ตับเต่า ได้กล่าวถึงปัญหาการลักลอบข้ามชายแดนผ่านทางช่องทางธรรมชาติ ซึ่งมีทั้งการเข้าออกเพื่อกระทำผิดกฏหมาย และการเข้าออกเพื่อทำธุระจำเป็น เช่น การจับจ่ายซื้อของใช้ การพบปะเยี่ยมญาติ การนำผู้ป่วยจากฝั่งลาวเดินทางมารับการรักษาทางฝั่งไทย ซึ่งกรณีนี้ทางฝั่งไทยก็เห็นถึงความจำเป็นและไม่มีการผลักดันกลับในทันที โดยจะให้มาทำการรักษาตัวให้หายก่อนจะให้เดินทางกลับประเทศ โดยส่วนใหญ่จะข้ามมาโดยใช้เส้นทางบ้านเล่าเจอ หรือบ้านพิทักษ์ไทย ม.20 ต.ตับเต่า ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 20-30 นาที และในโอกาสที่ใกล้จะถึงช่วงเทศกาลดอกเสี้ยวบาน ซึ่งเป็นเทศกาลประจำปีของ อ.เทิง จะมีชาวม้งจากทุกสารทิศทั่วโลกเดินทางมาร่วมงาน โดยปีนี้ทาง อบต.ตับเต่า ตั้งใจจะจัดงานให้ยิ่งใหญ่กว่าทุกปีที่ผ่านมา

จึงอยากนำเสนอให้ทั้งทางการไทยและลาวได้เปิดจุดผ่านแดนดังกล่าวให้เป็นจุดข้ามแดนผ่อนปรนชั่วคราว เพื่อความสะดวกในการไปมาหาสํูกันระหว่างชาวบ้านทั้ง 2 ประเทศ โดยในประเด็นนี้ทางนายสาลี วนาสันต์ ตัวแทนจากเมืองปากทา บอกว่า เมืองปากทา แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว มีพื้นที่ชายแดนติดต่อกับประเทศไทยทั้งหมด 12 หมู่บ้าน และในจำนวนนี้มีอยู่ 3 หมู่บ้านที่มีพื้นที่ติดต่อกับ อ.เทิง จ.เชียงราย แต่เรื่องการเกิดจุดผ่อนปรนเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จะต้องนำเอาข้อเสนอดังกล่าวไปปรึกษาหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพราะเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน และอาจจะเกิดปัญหาอื่นๆตามมา โดยเฉพาะปัญหายาเสพติดซึ่งทาง สปป.ลาว ให้ความสำคัญและต้องการขจัดให้หมดสิ้นไป

หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมหารือร่วมกัน นอภ.เทิง ได้พาคณะจากเมืองปากทา ไปเที่ยวชมงานปีใหม่ม้ง และเดินทางไปที่ที่ว่าการอำเภอเทิงเพื่อชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ ก่อนจะเดินทางกลับ

ร่วมแสดงความคิดเห็น