รวบแล้ว แก๊งวัยรุ่นชิงทรัพย์ย่านหลัง มช. พบเป็นเยาวชนอายุ 15-16 ปี

รวบแล้ว แก๊งวัยรุ่น ตระเวนก่อเหตุชิงทรัพย์นักศึกษา ย่านหลังมหาวิยาลัยเชียงใหม่ พบเป็นเยาวชน อายุแค่ 15-16 ปี ตั้งแก๊งมั่วสุมออกอาละวาด ด้าน ผบช.ภ.5 สั่งเร่งกวาดล้าง หลังพบเริ่มออกมาป่วนหนัก

วันที่ 30 เม.ย.67 พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 ได้ร่วมกันแถลงข่าวปฏิการกวาดล้างจับกัมผู้ต้องหาก่อเหตุชิงทรัพย์ ภายหลังตระเวนก่อเหตุ ย่านถนนคันคลองชลประทาน ถนนสุเทพหลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ชุมชนวัดอุโมงค์ และต่อเนื่อง ถนนในหมู่บ้านแกรนวิว ที่มีผู้เสียหายรวม 5 คน ในช่วงเช้ามืดของวันที่ 27 เม.ย.67 ที่ผ่านมา โดยพบผู้ต้องหาที่ก่อเหตุและถูกจับกุม 2 ราย เป็นเขาวชนชายอายุ 16 ปี และ เยาวชนชาย อายุ 15 ปีเศษ พร้อมด้วยของกลางที่ใช้ในการก่อเหตุ รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น เวฟ สีแดง ทะเบียน เชียงใหม่ , อาวุธมีดยาว (ดาบซามูไร) จำนวน 2 เล่ม และ เสื้อผ้าของผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ที่สวมใส่ในวันเกิดเหตุ

โดยทาง พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในครั้งนี้ว่า สืบเนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื่นที่ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ และ สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้รับการร้องเรียนจากประชาชน และนักศึกษาที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ ย่านถนนคันคลองชลประทาน ถนนสุเทพหลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และชุมชนวัดอุโมงค์ ว่ามีกลุ่มแก๊งวัยรุ่น ออกอาละวาดก่อเหตุชิงทรัพย์ และรวมตัวกันขับรถจักรยานยนต์ใช้มีดดาบซามูไรข่มขู่ สร้างความหวาดผวาให้กับผู้ที่อาศัยในย่านดังกล่าว อีกทั้งในช่วงเช้ามืดของวันที่ 27 เม.ย.67 ยังพบว่ามีการก่อเหตุกับกับประชาชน และนักศึกษาในย่านดังกล่าวถึง 5 ราย โดยและได้ทรัพย์สินหนึ่งในผู้เสียหาย 1 ราย

ต่อมาภายหลังการสืบสวนของทางเจ้าหน้าที่ จึงพบว่า วัยรุ่นที่ก่อเหตุครั้งนี้เป็นกลุ่มแก๊งวัยรุ่นที่ใช้ชื่อแก๊งว่า “ดาวร้าย” ที่ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นเยาวชน อายุราว 15-18 ปี โดยมักจะรวมกลุ่มกันตามหอพักย่านหลังวัดอุโมงค์ หรือตามหอพักย่านด้านหลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพราะเนื่องจากกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ยังเป็นเยาวชน ที่ไม่สามามถเข้าผับหรือสถานบันเทิงได้ จึงพากันมั่วสุมตามหอพัก แล้วหลังจากกินเหล้าก็เกิดความคึกคะนองจึงท้าทายและพากันออกมาก่อเหตุ

นอกจากนี้ ในการสืบสวนติดตามพฤติกรรมของกลุ่มวัยรุ่นเหล่านี้ ยังพบว่ามีการรวมกลุ่มกันอีกประมาณ 3-4 แก๊ง ประกอบด้วย และมักจะพากันตระเวนออกอาละวาดในตัวเมืองเชียงใหม่ และพบว่าส่วนมากเยาวชนกลุ่มนี้จะเป็นลูกหลานของชาวพื้นที่สูง ที่ผู้ปกครองเข้ามาทำงานในเมืองเชียงใหม่ และเช่าหอพักอยู่ อย่างเช่น ผู้ต้องหาทั้ง สองคนที่ถูกจับได้ 1 ในนั้นก็เป็นเยาวชนพื้นที่สูง ที่อาศัยอยู่หอพักย่านหลังวัดอุโมงค์ แล้วเพื่อนๆ ในแก๊งก็จะพากันมามั่วสุม ก่อนจะพากันออกก่อเหตุในลักษณะดังกล่าว

ในวันที่ก่อเหตุ ทราบว่า ผู้ก่อเหตุทั้งสองคน จะขับรถวนเวียนไปตามถนนย่านหลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อเจอคนที่ขับรถมาลำพัง หรือเป็นผู้หญิง ก็จะใช้อาวุธมีดข่มขู่ เพื่อเอาเงิน แต่ส่วนใหญ่ก็จะไม่ได้ และมีเพียงรายเดียวที่เอาเงินให้ไปประมาณ 40-50 บาท เท่านั้น ส่วนเงินที่ได้มาก็จะเอาไปกินเที่ยว และซื้อบุหรี่มาสูบ ซึ่งหลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ก็ได้มีการสืบสวนและติดตามจับกุมได้ที่หอพักที่ผู้ก่อเหตุอาศัยอยู่ พร้อมกับของกลางที่ใช้ก่อเหตุ

โดยในเบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา ร่วมกันพยายามชิงทรัพย์เวลากลางคืน โดยมีอาวุธ หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม และพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย หรือโดยไม่มีเหตุอันสมควร (ผู้เสียหายที่ 1, 2, 3, และ 5) และอีกข้อหาคือ ร่วมกันชิงทรัพย์เวลากลางคืน โดยมีอาวุธ หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม และพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย หรือโดยไม่มีเหตุอันสมควร

พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 กล่าวอีกว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบความเคลื่อนไหวของแก๊งวัยรุ่นที่รวมตัวกันในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และลำพูนประมาณ 4 กลุ่ม ประกอบด้วยกลุ่มบังพีช กลุ่มโซฮอท และ กลุ่มดาวร้าย เคลื่อนไหวในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และ กลุ่มบีอาร์ เคลื่อนไหวในพื้นที่จังหวัดลำพูนและเขตรอยต่อกับจังหวัดเชียงใหม่ทางอำเภอโซนใต้ทั้ง อ.หางดง อ.สันป่าตอง และ อ.จอมทอง แต่ละกลุ่มจะมีสมาชิกราว 30 คน ซึ่งทั้งหมดนี้ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มลูกหลานของบุคคลบนพื้นที่สูงที่มาทำงานในจังหวัดเชียงใหม่

เยาวชนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะเรียนหนังสืออยู่ตามโรงเรียนขยายโอกาสและจะนัดหมายรวมตัวกันในยามค่ำคืน ตระเวนขี่จักรยานยนต์ไปตามท้องถนน บางกลุ่มนัดหมายแข่งรถ รวมทั้งก่อเหตุประทุษร้ายต่อทรัพย์ ซึ่งทั้งหมดนี้ตำรวจภูธรภาค 5 ได้ขึ้นบัญชีแบล็คลิสต์ไว้เพื่อติดตามพฤติกรรมรวมทั้งจัดชุดปฏิบัติการ “ปะฉะดะ” ออกติดตามข่าวความเคลื่อนไหวและออกกวาดล้างกลุ่มแก๊งเหล่านี้อย่างเข้มข้นเพื่อไม่ให้สร้างปัญหาให้กับสังคม

ร่วมแสดงความคิดเห็น