ตำรวจภูธรภาค 5 แถลงข่าวการจับกุมเยาวชนหัวหน้าแก๊งวัยรุ่นป่วนเมือง

ตำรวจภูธรภาค 5 แถลงข่าวการจับกุมเยาวชนหัวหน้าแก๊งวัยรุ่นป่วนเมือง ของ สภ.หางดง และการจับกุมกลุ่มวัยรุ่นก่อเหตุทำร้ายร่างกายผู้อื่น(คลองแม่ข่า) ของ สภ.เมืองเชียงใหม่ ” ยุทธการบุกบ้านอันธพาลเชียงใหม่ “

วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม 2567 เวลา 15.00 น. พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 พร้อมด้วย พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5 ,พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ,พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 ,รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ,ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ผกก.สภ.หางดง จ.เชียงใหม่ ได้ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติการตาม “ยุทธการบุกบ้านอันธพาลเชียงใหม่” พร้อมทั้งได้แถลงข่าวการจับกุมเยาวชนหัวหน้าแก๊งวัยรุ่นป่วนเมืองของ สภ.หางดง จ.เชียงใหม่ และการจับกุมกลุ่มวัยรุ่นก่อเหตุทำร้ายร่างกายผู้อื่น (คลองแม่ข่า) ของ สภ.เมืองเชียงใหม่จ.เชียงใหม่ ณ ห้องประชุมชั้น 3 สภ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ โดยมีรายละเอียดดังนี้
สรุปผลการจับกุมบุคคลต่างด้าว “ยุทธการบุกบ้านอันธพาลเชียงใหม่” ได้ปิดล้อมตรวจค้นหอพัก ในพื้นที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ จำนวน 6 แห่ง ผลการปิดล้อมตรวจค้น ได้จับกุม ผู้กระทำความผิดบุคคลต่างด้าว รวมจำนวน 27 คน เป็นชาย 20 คน หญิง 7 คน ส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย

สถานีตำรวจภูธรหางดง จังหวัดเชียงใหม่ จับกุมหัวหน้าแก๊ง SOHOT
เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2567 สถานีตำรวจภูธรหางดง ได้รับแจ้งกลุ่มวัยรุ่นใช้อาวุธก่อเหตุทำร้ายร่างกายผู้อื่น โดยผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุคือ นายณัฐพงค์ หรือเฟรก (หัวหน้าแก๊งค์ So hot) ซึ่งนายณัฐพงค์หรือเฟรก เคยก่อเหตุทำร้ายร่างกายผู้อื่นมาแล้วหลายครั้ง และยังเคยใช้อาวุธปืนข่มขู่ผู้อื่น สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนเป็นอย่างมาก

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หางดง ได้ทำการสืบสวนติดตามไปถึงบริเวณบ้านพักของนายณัฐพงค์ หรือเฟรก ที่หมู่ที่ 11 ต.บ้านแหวน อ.หางดง จว.เชียงใหม่ พบนายณัฐพงค์ หรือเฟรก บริเวณบ้านพัก ลักษณะท่าทางมีพิรุธ รีบหลบเข้าไปในบ้านพัก จึงมีเหตุอันควรสงสัยตามสมควรว่ามีทรัพย์สินซึ่งมีไว้เป็นความผิด ประกอบกับมีเหตุอันควรเชื่อว่าเนื่องจากการเนินช้ากว่าจะเอาหมายค้นมาได้ ทรัพย์สินนั้นจะถูกโยกย้าย ซุกซ่อน ทำลาย หรือทำให้เปลี่ยนสภาพไปจากเดิม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวและขอทำการตรวจค้น นายณัฐพงค์ หรือเฟรก ยินยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้น และเป็นผู้นำตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบกระสุนปืนลูกซองขนาด 12 จำนวน 2 นัด และปลอกกระสุนปืนลูกซอง จำนวน 1 ปลอก ซุกซ่อนอยู่บริเวณในตู้เสื้อผ้า ชั้นบน ข้างที่นอนของนายณัฐพงค์ หรือเฟรก สอบถามนายณัฐพงค์ หรือเฟรก รับว่ากระสุนปืนและปลอกกระสุนปืนของกลางดังกล่าวเป็นของตน ยอมรับว่ากระสุนปืนดังกล่าวได้มาจากเพื่อนชื่อนายวุฒิ ไม่ทราบชื่อ สกุลจริง บุคคลต่างด้าวเชื้อชาติไทยใหญ่ สัญชาติเมียนมา เมื่อประมาณ 1 เดือนเศษที่ผ่านมา จึงได้จับกุมตัวพร้อมของกลาง ดำเนินคดีในข้อหา มีเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่งพนักงานสอบสวน สภ.หางดง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สภ.เมืองเชียงใหม่ จับกุมกลุ่มวัยรุ่นทำร้ายร่างกายผู้อื่น บริเวณคลองสะพานแม่ข่า
เมื่อวันที่ 7 พ.ค.2567 เวลาประมาณ 01.00 น. ได้มีกลุ่มวัยรุ่นชายจำนวน 6 คน รุมทำร้ายร่ายกายนายประวิทย์ ซึ่งเป็นครูสอนมวย เป็นเหตุให้นายประวิทย์ฯ ได้รับบาดเจ็บ ตามที่ได้เผยแพร่ไปตามสื่อโซเชียล นั้น

ต่อมาเมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2567 นายประวิทย์ ได้มาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าว จากนั้นชุดสืบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ได้ทำการสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายจำนวน 6 นายที่หลบหนีไป โดยสามารถติดตามจับกุมกลุ่มคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้จำนวน 5 ราย หลบหนี 1 ราย ดังนี้

  1. นายอาหลู่ ไม่มีนามสกุล อายุ 18 ปี สัญชาติเมียนมาร์จับได้ที่บ้านพัก ต.ขี้เหล็ก อ.แม่แตง จว.เชียงใหม่
  2. นายฉลอม ไม่มีนามสกุล อายุ 20 ปี สัญชาติเมียนมาร์จับได้ที่ริมถนนราชวิถี อ.ศรีภูมิ อ.เมือง จว.เชียงใหม่
  3. นายอาเล อายุ 18 ปี สัญชาติเมียนมาร์ จับได้ที่ริมถนนระแกง ซ.2 ใกล้คลองแม่ข่า
  4. นายอาเบ ไม่มีนามสกุล อายุ 20 ปี สัญชาติเมียนมาร์จับได้ที่ริมถนนระแกง ซ.2 ใกล้คลองแม่ข่า
  5. นายอาเล ไม่มีนามสกุล อายุ 18 ปี สัญชาติเมียนมาร์จับได้ที่ริมถนนระแกง ซ.2 ใกล้คลองแม่ข่า
  6. นายอาส่า ไม่มีนามสกุล อายุ 20 ปี สัญชาติเมียนมาร์(หลบหนี)

โดยแจ้งข้อกล่าว “ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสและเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต” กลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 6 นาย เป็นบุคคลต่างด้าว สัญชาติเมียรมาร์ ที่ลักลอบหลบหนีเข้ามายังประเทศไทยโดยใช้ช่องทางธรรมชาติและเข้ามาหาทำงานรับจ้างทั่วไปในตัวเมืองเชียงใหม่ ติดต่อกับกลุ่มบุคคลต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาก่อนเพื่อขอทำงานและพักอาศัย ไม่มีที่พักอาศัยเป็นหลักแหล่งและเปลี่ยนที่อยู่ไปเรื่อยๆ

ตำรวจภูธรภาค 5 ขอยืนยันว่ามีความพร้อมในการดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่พี่น้องประชาชนและยังคงเน้นย้ำในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน ทั้งนี้หากพบเห็นอาชญากรรมหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิดโปรดแจ้ง 191 ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง หรือแจ้งผ่านไลน์ ผบช.ภ.5 ไอดี @police

ร่วมแสดงความคิดเห็น