เปิดโผโปรแกรม ช้างศึกลงป้องกันแชมป์อาเซียน ในศึก AFF มิตซูบิซิ คัพ 2022
แฟนบอลเซฟไว้เลย! เปิดโปรแกรม ‘ช้างศึก’ ป้องกันแชมป์อาเซียน ลุ้นแชมป์สมัย 7 เปิดโปรแกรมทัพ “ช้างศึก” ทีมฟุตบอลทีมชาติไทยชุดใหญ่ ที่เตรียมลงป้องกันแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน “เอเอฟเอฟ มิตซูบิชิ อิเล็คทริก คัพ 2022” ในช่วงเดือนธันวาคม พ.ศ.2565-มกราคม พ.ศ.2566
โดยช้างศึก ถูกจับอยู่ในกลุ่มเอ ร่วมกับฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย, กัมพูชา และทีมจากรอบคัดเลือก ติมอร์ เลสเต หรือ บรูไน ส่วนกลุ่มบี ประกอบด้วย เวียดนาม, มาเลเซีย, สิงคโปร์, เมียนมา และลาว
โปรแกรมการแข่งขันทั้งหมด มีดังนี้ กลุ่มเอ วันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ.2565 กัมพูชา พบ ฟิลิปปินส์, ติมอร์ เลสเต หรือ บรูไน พบ ทีมชาติไทย วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ.2565 ฟิลิปปินส์ พบ ติมอร์ เลสเต หรือ บรูไน, อินโดนีเซีย พบ กัมพูชา วันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ.2565 ติมอร์ เลสเต หรือ บรูไน พบ อินโดนีเซีย, ทีมชาติไทย พบ ฟิลิปปินส์
วันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ.2565 อินโดนีเซีย พบ ทีมชาติไทย, กัมพูชา พบ ติมอร์ เลสเต หรือ บรูไน วันที่ 2 มกราคม พ.ศ.2566 ทีมชาติไทย พบ กัมพูชา, ฟิลิปปินส์ พบ อินโดนีเซีย
กลุ่มบี วันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ.2565 เมียนมา พบ มาเลเซีย, สปป.ลาว พบ เวียดนาม วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ.2565 มาเลเซีย พบ สปป.ลาว, สิงคโปร์ พบ เมียนมา วันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ.2565 สปป.ลาว พบ สิงคโปร์, เวียดนาม พบ มาเลเซีย
วันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ.2565 สิงคโปร์ พบ เวียดนาม, เมียนมา พบ สปป.ลาว
วันที่ 3 มกราคม พ.ศ.2566 เวียดนาม พบ เมียนมา, มาเลเซีย พบ สิงคโปร์
สำหรับรอบรองชนะเลิศ จะแข่งขันแบบเหย้า-เยือน มีดังนี้
นัดแรก
วันที่ 6 มกราคม พ.ศ.2566 รองแชมป์กลุ่ม เอ พบ แชมป์กลุ่ม บี
วันที่ 7 มกราคม พ.ศ.2566 รองแชมป์กลุ่ม บี พบ แชมป์กลุ่ม เอ นัดสอง
วันที่ 9 มกราคม พ.ศ.2566 แชมป์กลุ่ม บี พบ รองแชมป์กลุ่ม เอ
วันที่ 10 มกราคม พ.ศ.2566 แชมป์กลุ่ม เอ พบ รองแชมป์กลุ่ม บี
ขณะที่ในเกมรอบชิงชนะเลิศ จะลงเตะแบบเหย้า-เยือนเช่นเดียวกัน โดยนัดแรก จะแข่งขันในวันที่ 13 มกราคม พ.ศ.2566 ส่วนนัดที่สอง จะลงเตะในวันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2566 ตามลำดับ
สำหรับศึกลูกหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของภูมิภาคอาเซียน จัดขึ้นมาแล้วทั้งหมด 13 ครั้ง ทีมชาติไทย คว้าแชมป์ได้มากที่สุด 6 สมัย (ปี 1996, ปี 2000, ปี 2002, ปี 2014, ปี 2016, ปี 2020) รองลงมาเป็นทีมชาติสิงคโปร์ 4 สมัย (ปี 1998, ปี 2004, ปี 2007, ปี 2012) ส่วนทีมชาติเวียดนาม 2 สมัย (ปี 2008, ปี 2018) และทีมชาติมาเลเซีย 1 สมัย (ปี 2010)
ร่วมแสดงความคิดเห็น