ตำรวจแพร่! จัดทีมสืบสวนตามคดี 3พ่อแม่ ลูกหายลึกลับไร้ร่องรอย

ความคืบหน้าคดีสามพ่อแม่ลูกหายอบ่างไร้ร่องรอยและมีเบื้องหลังเหลือเพียงลูกคนเดียวที่ถูกหลายเพ็งเล้ง ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว เมื่อ วันที่ 20 มกราคม 2563 ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม พ.ต.อ.ชูวิทย์ กองแก้ว รอง ผบก.ภ.จว.แพร่ ซึ่งได้รับมอบหมายให้ลงมาทำการสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้ เผยว่า หลังจากที่ได้รับทราบข้อมูล ซึ่งผบก.ภ.จว.แพร่ ก็เพิ่งทราบ และได้นัดหมายให้ทุกฝ่ายมาประชุมเพื่อคลี่คลายคดีนี้ ให้ได้โดยเร็ว โดยจะมีการตั้งทีมกันในวันพรุ่งนี้ เนื่องจากสองวันนี้ทางตำรวจมีภารกิจรับเสด็จ จึงได้นัดหมายในวันที่ 21 มกราคม 2563 เวลา บ่ายโมง

รองผบก.ภ.จว.แพร่ เผยอีกว่าความคืบหน้าหลังจากที่ทางพนักงานสอบสวน สภ.สูงเม่น ได้รื้อเอาคดีนี้มาทำใหม่ ขณะนี้มีหลักฐานเพิ่มเติม ว่า ในการเบิกจ่ายค่าเบี้ยผู้สูงอายุ และเบี้ยผู้พิการ ของผู้สูญหายพบข้อมูลว่ามีการเบิกจ่ายไปทุกเดือน ซึ่งจะได้ทำการตรวจสอบไปยังต้นสังกัดของการจ่ายเงินเบี้ยต่าง ๆ คือ อบต.พระหลวง ว่ามีการจ่ายจริงหรือไม่อย่างไร หากมีการจ่ายจริง มีคนรับจริง ก็ต้องสืบว่าใครเป็นคนรับเบี้ยทั้งหมด เรื่องนี้เริ่มจะคลำปมได้บ้าง ส่วนนายนรินทร์ ก็ยังไม่ให้การใดๆที่เป็นประโยชน์ ประเด็นคือ ใครมารับเงิน แต่หากมีการจ่ายเงินถูกต้องมีคนรับถูกต้อง แสดงว่าทั้งสามต้องมีชีวิตอยู่ แต่หาก มีคนรับแทน ก็ต้องสืบสาวกันต่อว่า ใครรับแทน และทางต้นสังกัดปล่อยออกมาได้ยังไง ดังนั้นเรื่องนี้ ขอเวลาพนักงานสอบสวนและทีมสืบสวนลงมาหาข่าว และในวันพรุ่งนี้ผู้การจะเปิดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

ทางด้านนางปราณี น้องสาวก็ยังคง ให้การเหมือนเดิม และได้พูดถึงเรื่องขายที่ดิน ที่จริงเป็นสิบปีมาแล้ว ตนได้ทำการปรับปรุงที่ดินในบริเวณบ้านของผู้สูญหายมาถมดินหมดเงินไปประมาณ 30,000 บาท แต่พอทั้งสามหายไป และได้ยินข่าวว่า ลูกชายเขาที่ยังอยู่คือหลานนี้แหละได้ประกาศขายบ้านและที่ดิน ซึ่งตนเองก็จะอยากซื้อไว้ตั้งนานแล้วแต่ทางพี่สาวไม่ขายให้ ตนก็เคยขอเงินที่นำมาถมที่ดินจากพี่สาว ก็บอกว่ายังไม่มีเงิน แต่พอนายนรินทร์ประกาศขาย ทั้ง ๆ ที่ยังขายไม่ได้เพราะชื่อเป็นของพี่สาว

ที่อบต พระหลวง อ.สูงเม่น ต้นสังกัดที่จ่ายเบี้ยยังชีพ นายอำนวย สังศรีสุข นายก อบต.พระหลวง กล่าวว่า เรื่องนี้ เดิม นางละเอียดที่ศูนย์หายจะเป็นผู้มารับเอง และในเดือนกันยายน 2559 นายสุธี ประสงค์ 54 ปี รองประธานสภา และเป็น อบต.พระหลวง หมู่ที่ 2 ได้เดินทางไปยังบ้านของนางละเอียดเพื่อที่จะนำเงินไปจ่ายเบี้ย นางละเอียดก็ขอให้ทาง อบต.พระหลวง ทำเรื่องและมอบอำนาจให้นายนริทร์ ลูกชายเป็นคนรับแทน ตั้งแต่ปีงบประมาณ 60 นายนรินทร์ก็มารับเบี้ยแทน ส่วนนางละเอียดก็หายไปจากบ้านตั้งแต่เดือนกันยายนนั้นเลย

นายอำนวย นายก อบต.ยังเผยอีกว่า เมื่อก่อนนี้ ก่อนปี 60 นางละเอียดก็รับด้วยตนเอง และผู้สูงอายุที่รับเบี้ยจะต้องมารายงานตัว ทุกๆ 1 ปีเพื่อแสดงตัวตนว่ายังมีชีวิตอยู่ นอกจากได้รับการมอบอำนาจให้ ใครมารับแทน ทาง อบต.ก็จัดการตามความต้องการนั้น แต่ในช่วงปี 62 ที่ผ่านมา ได้มีการปรับสมุดของนางละเอียดพบว่าไม่มีการเบิกจ่ายเงินยังอยู่ สอบถามนายนรินทร์ ก็บอกว่า บัตรไม่สามารถเบิกได้เนื่องจากเป็นบัติที่ใช้ระหัส4หลัก แสดงว่าภายในปี 62ไม่มีการเบิก

นายก อบต.ยังเผยอีกว่า หลังจากที่เกิดเหตุข่าวนี้นายนรินทร์ได้มาติดต่อทาง อบต. โดยตนไม่อยู่นายนรินทร์ก็เข้าพบนาย ยงยุทธ คุ้มญาติ นิติกรปฏิบัติการ อบต.พระหลวง นายนรินทร์มาแจ้งว่าเงินของแม่และน้องที่เบิกไปยังอยู่ครบ เกรงว่าจะผิดกฎหมายจะขอนำมาคืนได้หรือไม่ จากนั้น นิติกร ก็มาปรึกษาตน ตนก็บอกว่าไม่ได้เพราะเงินที่เบิกไปก็ถูกต้องทุกอย่างส่วนเจ้าตัวจะอยู่หรือไม่อยู่เราจะไปเกี่ยวข้องไม่ได้ เพราะเอกสารตามกฎหมายถูกต้องแล้ว และเรื่องนี้ หากพนักงานสอบสวน สอบสวนพบว่าการเบิกจ่ายผิดกฎหมายหรือปลอมแปรงเอกสาร เมื่อทางตำรวจส่งเรื่องมา ทาง อบต.ก็จะแจ้งความทันที

ร่วมแสดงความคิดเห็น