นายหน้าแรงงานต่างด้าวแจ้งความโดนเรียกเก็บเงินกินเปล่า

จากกรณีนายหน้าแรงงานต่างด้าวที่จังหวัดเชียงใหม่ร้องเรียนผ่านนายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ปลัดอำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะผู้ช่วยนายทะเบียนจังหวัดเชียงใหม่ในการปฏิบัติราชการแทนในการจัดทำทะเบียนประวัติและบัตรประจำตัวแรงงานต่างด้าวว่ามีการเรียกเก็บเงินกินเปล่าจากแรงงานต่างด้าวคนละ 300-400 บาท ในระหว่างกระบวนการทำทะเบียนประวัติและบัตรประจำตัวแรงงานต่างด้าวที่ศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ เริ่มตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค.66 เป็นต้นมา โดยกลุ่มบุคคลภายนอกที่ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่เข้ามาประจำจุดทำหน้าที่ตรวจเอกสาร,จ่ายบัตรคิว และจ่ายบัตรประจำตัวที่ทำเสร็จแล้ว

ทั้งนี้ให้นายหน้าเป็นผู้รวบรวมเงินจ่ายให้กับกลุ่มบุคคลดังกล่าว ซึ่งหากไม่ยินยอมก็จะไม่มอบบัตรประจำตัวให้ โดยมีการแอบอ้างว่าเป็นไปตามนโยบายและคำสั่งจากข้าราชการระดับสูงของจังหวัดเชียงใหม่ ที่สั่งการผ่านนักการเมืองท้องถิ่นรายหนึ่งให้เป็นผู้ดำเนินการ

เมื่อวันที่ 18 ม.ค.2566 ที่สถานีตำรวจภูธรดอยสะเก็ด อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ นายบุญญฤทธิ์ ได้พานายหน้าแรงงานต่างด้าวที่เป็นผู้เสียหายถูกเรียกเก็บเงินกินเปล่าในระหว่างกระบวนการทำทะเบียนประวัติและบัตรประจำตัวแรงงานต่างด้าว นำข้อมูลและหลักฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักฐานใบเสร็จการโอนเงิน เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเรียกเก็บเงินดังกล่าวเบื้องต้นจำนวน 3 คน ซึ่งในช่วงระหว่างวันที่ 9-13 ม.ค.66 เฉพาะผู้เสียหายรายนี้เพียงรายเดียวได้โอนเงินค่าดำเนินการบำบัตรประจำตัวแรงงานต่างด้าวจำนวน 557 คนให้ไปเป็นเงินทั้งสิ้น 211,660 บาท ซึ่งในจำนวนนี้เป็นเงินกินเปล่า 167,100 บาท โดยร้องทุกข์ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนเอาผิด พร้อมขยายผลถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดต่อไป

นายบุญญฤทธิ์ เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้พาผู้เสียหายที่เป็นนายหน้าแรงงานต่างด้าวที่ถูกเรียกเก็บเงินกินเปล่าเข้าพบพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรดอยสะเก็ด เพื่อร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องจำนวน 3 คน โดยผู้เสียหายได้ให้ปากคำพร้อมทั้งมีหลักฐานชัดเจนเป็นใบเสร็จการโอนเงิน ส่วนจะมีผู้เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดอีกหรือไม่ ทั้งในส่วนของข้าราชการและนักการเมืองท้องถิ่นนั้น จากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสืบสวนสอบสวนต่อไป หากพบว่าผู้ใดเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดก็จะต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด ซึ่งตัวเองมีจุดยืนชัดเจนว่าจะติดตามตรวจสอบจนถึงที่สุด ขณะที่ในส่วนของกระบวนการทำทะเบียนประวัติและบัตรประจำตัวแรงงานต่างด้าวที่ศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 ในวันนี้นั้น พบว่าทางกลุ่มบุคคลภายนอกที่เคยมาประจำจุดทำหน้าที่ ได้ทำการขนย้ายอุปกรณ์สำนักงานที่เคยนำมา เช่น โต๊ะ เก้าอี้ หรือเต็นท์ เป็นต้น ออกไปทั้งหมดแล้ว

ด้านนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า เชียงใหม่เป็นเมืองที่มีครบทุกมิติ การสั่งการต่างๆ เป็นไปตามกฎหมาย หากมีปัญหาเกิดขึ้นให้ตรวจสอบ แต่ว่าสิ่งดีๆ ก็เกิดขึ้นที่เชียงใหม่มากมาย เชียงใหม่เพิ่งได้รับการสำรวจและได้รับรางวัลเมืองที่มีความปลอดภัยสูงที่สุดในอาเซียน สิ่งใดที่ไม่ดีหรือว่ายังติดอะไรอยู่นั้น ตัวเองตั้งใจแก้ไขให้ทุกอย่าง แต่ว่าสิ่งใดที่ดีๆ ก็ต้องบอกต่อๆ กัน ซึ่งกรณีนี้ได้สั่งการให้ตรวจสอบแล้วว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร

นิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่

ร่วมแสดงความคิดเห็น